สธ.4 มิ.ย.-ปลัด สธ.แจงสอบ ผอ.รพ.ขอนแก่น ทำเพราะได้รับการร้องเรียน หากเพิกเฉย เกรงผิดวินัยด้วย ที่ผ่านมาสอบและไล่ออกข้าราชการไปแล้ว 6 คน ส่วนการตั้ง “นพ.เกรียงศักดิ์” รักษาการแทน ผอ.รพ.ขอนแก่น เหตุเพราะเป็นคนขอนแก่น
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัด สธ.และนายสุจินต์ สิริอภัย นิติกรชำนาญการ กลุ่มงานเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรม สธ.ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการสอบสวน ข้อกล่าวหาฉ้อราษฎร์หลวงของ ผอ.รพ.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าว
นพ.สุขุม กล่าวว่า การสอบสวน นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น ดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบราชการและข้อกฎหมาย เนื่องจากมีการร้องเรียน ผ่านบัตรสนเท่ห์ และตรวจสอบพบว่ามีมูลจึงต้องดำเนินการตามกระบวนการ หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ที่ผ่านมาตั้งแต่ตนดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง ได้มีการตรวจสอบผู้อำนวยการและผู้อำนวยการระดับสูงรวมแล้ว 12 คน โดย 6 คนมีโทษไล่ออก ส่วนอีก 6 คนอยู่ระหว่างการถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ คล้ายกับ รพ.ขอนแก่น
นพ.สุขุม กล่าวว่า ส่วนเรื่องความเหมาะสมในการแต่งตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ มาดำรงตำแหน่งรักษาการ ผอ.รพ.ขอนแก่นนั้น เห็นว่ามีความเหมาะสม เนื่องจาก นพ.เกรียงศักดิ์ พื้นเพเป็นคน จ.ขอนแก่น เคยดำรงตำแหน่ง ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นมาก่อน ส่วนที่ไม่สามารถตั้งรองผอ.รพ.ขอนแก่น ขึ้นเป็นรักษาการแทนได้ เนื่องจากคำให้การของ นพ.ชาญชัย ที่ระบุในการสอบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่าระดับรอง ผอ.รพ.และคณะกรรมการบริหาร รพ.ก็มีส่วนรู้เห็นในการรับเงินบริจาคจึงจำเป็นต้องตั้งคนอื่นรักษาการแทนและเมื่อตนแต่งตั้ง นพ.เกรียงศักดิ์ ก็ยังไม่พบกระแสคัดค้าน เช่นเดียวกับการตั้งคณะการสอบ ซึ่งมีเสียงครหาเป็นพวกเดียวกันกับ นพ.เกรียงศักดิ์นั้น เรื่องนี้สามารถคัดค้านได้ แต่ก็ไม่พบว่า มีหนังสือหรือแสดงการคัดค้านออกมา
นพ.ยงยศ กล่าวว่า นพ.สุเทพ ได้ขอถอนตัวจากการเป็นประธานคณะ กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เนื่องจากงานในหน้าที่มีมาก ทั้งการเรียน วปอ. อีกทั้ง ต้องวางแผนในการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศในสถานการณ์โรคโควิด-19 และการบริหารเรื่องการเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาผู้ที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ประธานแทน
นายสุจินต์ กล่าวว่า จากการสอบเบื้องต้นพบว่าข้อร้องเรียนที่ให้มีการสอบนพ.ชาญชัย มีรวมทั้งสิ้น 12 ข้อ ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับเงินบริจาคจากบริษัทยาทั้งหมด มีเรื่องอื่นๆ ต่างกันไป โดยพบว่า 7 ข้อไม่มีมูล และ 3 หมิ่นเหม่ ต้องมีการตักเตือน ได้แก่ เรื่องสวัสดิการภายใน รพ.ส่วนที่พบว่ามีมูลตาม คือเรื่องการรับเงินจากบริษัทยาหรือบริษัทเอกชนอื่นๆที่เป็นคู่ สัญญากับ รพ.เรื่องนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งสิ้น ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับเงินมาเพื่อประโยชน์ใดก็ตาม ส่วนรวมหรือส่วนตัวก็ผิดทั้งนั้น ซึ่งเมื่อมีการชี้ว่ามีมูลก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง แต่หากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าประธานคณะกรรมการฯไม่เป็นธรรม ก็สามารถร้องทุกข์ได้ ส่วนเรื่องถ้อยคำฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ใช่ถ้อยคำรุนแรง แต่เป็นเรื่องของข้อกล่าวหา ยังไม่ใช่ความผิด ต้องรอผลสอบ .-สำนักข่าวไทย