fbpx

ผลสำรวจพบคนไทยป้องกันโควิด-19 น้อยลงต่อเนื่อง

กทม.4 มิ.ย.-เผยผลสำรวจสัปดาห์ที่ 2 หลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ พบว่าคนไทยปฏิบัติตัวป้องกันโควิด-19 น้อยลงอย่างต่อเนื่อง ที่ทำงาน ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย จัดมาตรการป้องกันลดลง แต่ร้านอาหารแบบนั่งทานทำได้ดีขึ้น



กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ร่วมกับองค์การอนามัยโลกสำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจผลการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์สัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค. 2563 โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ 8,622 ราย พบว่า คนไทยมีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโควิด-19 น้อยลงอย่างต่อเนื่อง


ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่าการใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา ลดลงจากร้อยละ 91 ณ สัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. เป็นร้อยละ 87.2 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค.

การล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ลดลงจากร้อยละ 87 ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. เป็นร้อยละ 83.4 ในระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. และเหลือร้อยละ 79.8 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค.


การกินร้อนช้อนตัวเอง ลดลงจากร้อยละ 86 ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. เป็นร้อยละ 82.3 ระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. และเหลือร้อยละ 79.7 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค.

การการรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร ลดลงจากร้อยละ  65 ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. เป็นร้อยละ 60.7  ในระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. และเหลือร้อยละ 58.7 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค.

การระมัดระวังไม่เอามือจับหน้าหรือจมูกปาก ลดลงจากร้อยละ 63 ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. เป็นร้อยละ 52.9  ในระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค.และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 53.7 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค.

ขณะที่การสำรวจการจัดมาตรการตามสถานที่ต่างๆพบว่า ในส่วนของสถานที่ทำงาน มีการพบเห็นมาตรการป้องกันโควิด-19 น้อยลง เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสถานที่ ลดจากร้อยละ 76.8 ในระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. เหลือร้อยละ 75.1 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค. การจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ลดลงจากร้อยละ 91.5 เหลือร้อยละ 89.2

การจัดระยะห่างระหว่างบุคคล ลดลงจากร้อยละ 50.7 เหลือร้อยละ 49.1 พนักงานสวมหน้ากาก ลดลงจากร้อยละ 62.9 เหลือร้อยละ 60.6 ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากาก ลดลงจากร้อยละ 52.7 เหลือร้อยละ 51.7 และภาพรวมในทุกมาตรการลดลง จากร้อยละ 65.2 เหลือร้อยละ 63.5

เช่นเดียวกับร้านตัดผม/ร้านเสริมสวย ในภาพรวมมีการจัดมาตรการป้องกันโควิด-19 ลดลงจากร้อยละ 50.8 เหลือร้อยละ 46.5 แยกรายละเอียดได้ดังนี้ การวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสถานที่ เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 37.3 ในระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. เป็นร้อยละ 42 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค.

การจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ ลดลงจากร้อยละ 74.8 เหลือร้อยละ 71.9 การจัดระยะห่างระหว่างบุคคล ลดลงจากร้อยละ 43.5 เหลือร้อยละ 35.7 พนักงานสวมหน้ากาก ลดลงจากร้อยละ 58.3 เหลือร้อยละ 49.4 ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากาก ลดลงจากร้อยละ 47.6 เหลือร้อยละ 40.7

อย่างไรก็ดีในส่วนของร้านอาหารแบบนั่งทานพบว่าในภารวมทุกมาตรการดีขึ้น จากร้อยละ 50.2 ระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. เป็นร้อยละ 51.2 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค. โดยหากแยกพิจารณาตามแต่ละมาตรการแล้วมีทั้งส่วนที่ทำได้ดีขึ้นและทำได้น้อยลง เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสถานที่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30.9 เป็นร้อยละ 39.8

การจัดให้มีที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 74 เป็นร้อยละ 76.8 แต่การจัดระยะห่างระหว่างบุคคล ลดลงจากร้อยละ 56.1 เหลือร้อยละ 53.1 พนักงานสวมหน้ากาก ลดลงจากร้อยละ 56.3 เหลือร้อยละ 52.3 ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากาก ลดลงจากร้อยละ 44.2 เหลือร้อยละ 41.4

ทั้งนี้ ผลสำรวจยังพบว่าคนไทยมีการเคลื่อนย้ายเดินทางออกนอกจากหวัดมากขึ้น จากร้อยละ 26 ในระหว่างวันที่ 8-14 พ.ค. เป็นร้อยละ 28.5 ในระหว่างวันที่ 15-21 พ.ค. โดยมีการรวมกลุ่มทางสังคมเช่น งานบวช งานแต่ง งานสังสรรค์ การประชุมและการเรียนการสอนต่อหน้าเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 11 เป็นร้อยละ 12.7 .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ตร.ขอความเป็นธรรม ปมโดนให้ออกจากราชการ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หอบหลักฐานยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมตำรวจ ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการ

เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลโรงงานย่านพระราม 2

เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุสารเคมีรั่วไหลในโรงงานย่านพระราม 2 ควันสีขาวลอยโขมง เบื้องต้นพบเป็นสารไทโอยูเรีย

อุตุฯ เผยไทยตอนบนร้อนจัด แนะเลี่ยงทำงานในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง