นนทบุรี3มิ.ย.-ศบค. รายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพียง 1 ราย ในสถานที่กักตัว จ.ปัตตานี
เดินทางกลับจากซาอุดีอาระเบีย ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐ
ป้องกันระบาดซ้ำ กลับมาใช้ชีวิตปกติได้
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล
ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
หรือ ศบค. แถลงภาพรวมสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ประจำวันที่ 3 มิ.ย.
ว่า วันนี้พบจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวน 1 ราย เป็นผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานที่ที่เราจัดให้ ขณะนี้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,084 ราย รักษาหายแล้ว 2,968 ราย
และยังคงรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 58 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังคงที่อยู่ที่58 ราย
สำหรับภาพรวมการติดเชื้อโควิด-19
ในประเทศไทย ยังคงเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง และพื้นที่การรักษายังคงพบอยู่ที่กรุงเทพมหานครและนนทบุรีตามมาด้วยภาคใต้
ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 39 ปี ส่วนจังหวัดในประเทศไทยที่มีผู้ป่วยยืนยันสะสมมากที่สุด
3 จังหวัดแรก ยังคงเป็นกรุงเทพมหานคร ภูเก็ตและนนทบุรี
สำหรับรายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่
เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 26 ปีเดินทางจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ถึงกัวลาลัมเปอร์ แล้วเข้าไทยผ่านด่านปาดังเบซาร์
ในวันที่ 25 พฤษภาคม 63 ตรวจหาเชื้อครั้งแรกไม่พบเชื้อและได้เข้าพัก ในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้จังหวัดปัตตานี ระหว่างการเข้าพักได้มีการตรวจครั้งที่ 2
ในวันที่ 31 พฤษภาคม ยืนยันว่า มีการติดเชื้อโควิด-19
จึงส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดปัตตานี
สำหรับสถานการณ์ของโควิด-19
ในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์- 3 มิถุนายน พบผู้ป่วยแล้ว
147 ราย เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 39 ปี
สำหรับประเทศต้นทางที่มีผู้ป่วยเดินทางมามากที่สุด 5 อันดับแรก คือ อินโดนีเซีย
ซาอุดีอาระเบีย คูเวต ปากีสถานและคาซัคสถาน
วันนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย
สำหรับปัจจัยเสี่ยงตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19
อันดับ 1. คือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า
2. อาชีพเสี่ยง 3.สนามมวย 4.คนไทยที่เดินกลับมาจากต่างประเทศ 5.สถานบันเทิง 6.
ผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานที่ที่รัฐจัดให้ ขณะที่ 2 สัปดาห์ล่าสุดกลับกัน พบว่าปัจจัยเสี่ยงคือกลุ่ม
ผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และ ผู้ป่วยที่ไปในสถานที่ชุมชนแออัด สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า
ดังนั้นการใส่หน้ากากอนามัยยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ที่ผ่านมาจะเห็นประชาชนใส่หน้ากากผ้ามากขึ้น จึงอยากเน้นย้ำเรื่องการซักทำความสะอาดหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนนำกลับมาใช้ใหม่
สำหรับสถานการณ์โควิด- 19
ทั่วโลก พบผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 6,485,571 ราย รักษาหาย3,010,695
ราย อาการรุนแรง54,528
ราย เสียชีวิต 382,412 ราย อันดับแรกยังคงเป็น อเมริกา
ตามมาด้วยบราซิล, รัสเซีย ,สเปนและอังกฤษ ประเทศไทยยังคงอยู่อันดับที่ 79
สำหรับสถานการณ์โควิด- 19
ในฝั่งเอเชีย ประเทศอินเดีย ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุด สำหรับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง
คือ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ยังคงพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ประเทศเมียนมามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น
4 ราย
ประเด็นที่น่าสนใจ ประเทศดูใบเปิดหาด
ผ่อนปรนสถานที่ต่างๆมากขึ้นหลังมีการประกาศเคอร์ฟิวมาร่วม 2 เดือน พบว่าประชาชนเริ่มไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่เว้นระยะห่างทางสังคม
เป็นตัวแปรสำคัญว่า ความร่วมมือต่างๆเร่มหย่อน
ส่วนประเทศอังกฤษ เริ่มให้มีการเรียนการสอนสอน
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน
ครูในอังกฤษมองว่าเร็วเกินไป และกลัวการระบาดซ้ำ
แม้ว่าจะมีการจำกัดจำนวนนักเรียนไม่เกิน 15 คน มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาระยะห่าง
แต่พบว่าไม่สามารถทำได้จริง และยังพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า สะท้อนกลับมาที่ไทยเมื่อมีการสวมหน้ากากอนามัยของคนในประเทศเพิ่มขึ้น การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ลดลงอย่างมาก เพราะฉะนั้นการสวมหน้ากากป้องกันได้ทั้งโควิด-19
และเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน มีมาตรการผ่อนคลายระยะที่
3 มีกิจการและกิจกรรมหลายประเภท สามารถเปิดได้ตามปกติ ส่งผลทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น แต่ย้ำว่าความปกตินี้จะไม่ใช่ความปกติเดิม แต่เป็นความปกติใหม่
หรือที่เรียกว่า New Normal คือ วิถีชีวิตใหม่ ซึ่งวิถีชีวิตใหม่นี้
สำหรับประชาชนรู้สึกว่าขัดใจ ไม่คุ้นชิน หรือว่าไม่สะดว สบาย มาตรการต่างๆที่ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำ
ดังนั้นขอให้ผู้ประกอบกิจการ และประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุข
รวมถึงสแกน QR code ในการเข้าและออกตามสถานที่ต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น
ไทยชนะ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ เพื่อให้ไทยเดินไปข้างหน้า
สามารถมีมาตรการผ่อนคลายในระยะต่อไป.-สำนักข่าวไทย