กรุงเทพ 2 มิ.ย. – กนง.กังวลเงินบาทแข็งค่าอาจกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย สั่งติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด หลังพบว่าดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนเมษายน ขาดดุลสูงถึง 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดในช่วงกว่า 2 ทศวรรษ
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไปยังมีความไม่แน่นอนสูงภายใต้สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกในปัจจุบัน และมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ และการประชุม กนง. ในครั้งก่อน คณะกรรมการฯ มีความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่อาจกลับมาแข็งค่าขึ้นและอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นควรให้ติดตามและดูแลสถานการณ์ในตลาดการเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด
ดุลบัญชีเดินสะพัดล่าสุดเดือนเมษายน 2563 ขาดดุล 700 ล้านดอลลาร์ สหรัฐและหากไม่รวมทองคำ ดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลสูงถึง 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นมูลค่าการขาดดุลสูงสุดในช่วงกว่า 2 ทศวรรษ โดยในระยะถัดไป คาดว่าราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้นและข้อจำกัดในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากการปิดประเทศจะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงต่อเนื่อง
“ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเดือนในช่วงที่เหลือของปีจะเข้าใกล้สมดุลมากขึ้นจนกว่าสถานการณ์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัว ซึ่งลดลงจากที่เคยเกินดุลถึงประมาณ 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนทิศทางของดุลบัญชีเดินสะพัดและพลวัตของค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิด COVID-19 ซึ่งทำให้คาดว่าการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะไม่ใช่แรงกดดันค่าเงินบาทที่สำคัญในระยะถัดไป
คณะกรรมการฯ จะเผยแพร่ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และดุลบัญชีเดินสะพัดใหม่ในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 24 มิถุนายน 2563 .-สำนักข่าวไทย