BEM โอดพิษ! โควิด-19 ยอดผู้ใช้ทางด่วน-MRT หายเกิน 50%

กรุงเทพฯ 1 มิ.ย. – BEM โอดพิษ! โควิด-19 ยอดผู้ใช้ทางด่วน-MRT หายเกิน 50% คาดปีนี้กำไรหดเหลือ 2 พันล้าน เชื่อ Q4/63 ฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง-เขียว ดันผู้โดยสารแห่ใช้สายสีน้ำเงินแน่น 


นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า จากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมทั้งประกาศเคอร์ฟิว รวมถึงมาตรการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้น ส่งผลกระทบต่อการให้บริการทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่จะทำงานจากบ้าน (Work from Home) ส่งผลให้การเดินทางลดลง โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน 2563 ได้รับผลกระทบหนักสุด กล่าวคือ ในส่วนของทางด่วนมีรถใช้บริการ 500,000-600,000 เที่ยว/วัน จากเดิมในช่วงปกติประมาณ 1.1 ล้านเที่ยว/วัน หรือลดลงประมาณ 50% ขณะที่รถไฟฟ้ามีผู้โดยสารไม่ถึง 100,000 เที่ยวคน/วัน จากช่วงปกติ 450,000-460,000 คน/วัน ลดลงประมาณ 70%

ทั้งนี้ จากการผ่อนปรนมาตรการระยะต่าง ๆ ของช่วงที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้เดือนพฤษภาคม 2563 สถานการณ์การให้บริการกลับมาดีขึ้น โดยมีผู้ใช้ทางด่วนอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเที่ยว/วัน ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมียอดผู้โดยสารเฉลี่ย 180,000 คน/วัน ขณะที่มาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารลดลงนั้น BEM จึงเพิ่มความถี่ของการให้บริการรถไฟฟ้า เช่นเดียวกับช่วงสถานการณ์ปกติ อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเดินทางจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติไตรมาส 3/2563


ส่วนผลดำเนินการปี 2563 นั้น พบว่าไตรมาสแรก BEM ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังมีกำไรประมาณ 500 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เชื่อว่าจะมีผลดำเนินการติดลบและจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้งไตรมาส 3 และ 4 อย่างแน่นอน ซึ่งคาดการณ์ว่าปี 2563 BEM จะมีรายได้ประมาณ 12,000-13,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 15% ที่มีรายได้อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท จากเดิมในช่วงต้นปีคาดการณ์ว่าจะโต 6-7% จากปีที่แล้ว นอกจากนี้ คาดว่าปีนี้จะมีกำไรประมาณ 2,000 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีกำไรประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่จำนวนผู้โดยสาร คาดว่าจะลดลงประมาณ 50%

นายสมบัติ กล่าวต่ออีกว่า ปี 2564 เชื่อว่าผลดำเนินการของ BEM จะเติบโตประมาณ 20% เมื่อเทียบจากฐานของปี 2563 จากปกติจะเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 5-10% และคาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากกว่า 450,000 คน/วัน เนื่องจากจะสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ อาทิ สายสีชมพู สายสีเหลือง รวมถึงสายสีเขียว ส่วนต่อขยายสายเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ทำให้มีผู้โดยสารเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นไปตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน โดยทุก ๆ 2 ปี นั้น BEM ได้นำเสนอเรื่องไปยังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้ว โดยจะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1 บาทบางสถานี แต่โครงสร้างค่าโดยสารรวมยังคงอัตราเดิม คือ เริ่มต้น 16 บาท และสูงสุด 42 บาท อย่างไรก็ตาม จะมีการจัดทำโปรโมชั่น เพื่อคงอัตราค่าโดยสารเท่าเดิมไว้


นายสมบัติ กล่าวอีกว่า BEM ได้ยืนยันถึงความพร้อมในการให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง โดยตระหนักถึงสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการและพนังงานเป็นลำดับแรก จึงยังคงมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อแทนความขอบคุณ ห่วงใย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT นั้น BEM จึงได้แจกหน้ากากผ้า 1 ล้านชิ้นฟรี ให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ส่งเสริมการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมาใช้บริการรถไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและส่วนรวม โดยเริ่มแจกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-สิงหาคม 2563 โดยผู้โดยสารสามารถรับได้ที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วงทั้ง 53 สถานี นอกจากนี้ เตรียมแบ่งปันอีกส่วนหนึ่งให้กับชุมชนกว่า 21 ชุมชน และสถานศึกษารายรอบเส้นทางรถไฟฟ้าและทางด่วนกว่า 60 แห่ง สำนักงานเขต กทม.16 เขต เทศบาลนนทบุรี เป็นต้น

ทั้งนี้ การแจกหน้ากากผ้าให้กับผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ในช่วงเดือนมิถุนายน.-สิงหาคม  2563 จะแบ่งออกเป็น 3 ครั้ง แต่ละครั้งจะสลับช่วงเวลากันและวนไปจนครบทั้ง 53 สถานี เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับหน้ากากอย่างทั่วถึงมากที่สุด ซึ่งผู้โดยสารไม่ต้องลงทะเบียนเพียงแต่ขอความร่วมมือรับหน้ากากผ้า 1 คน/ 1 ชิ้น ตลอดรายการ โดยสามารถติดตามรายละเอียดกำหนดการแจกหน้ากากผ้าได้จากช่องทางประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของบริษัท และพิเศษสำหรับผู้โดยสารที่เติมเงินบัตรโดยสารตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป รับฟรีหน้ากากผ้า 1 ชิ้น ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2563 เป็นต้นไปจนกว่าของจะหมด

“BEM พร้อมสนับสนุนภาครัฐอย่างเต็มที่ในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดซ้ำ และขอให้ผู้โดยสารรถไฟฟาปฏิบัติตนด้วยวิธีการง่าย ๆ โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยขณะใช้บริการ พร้อมทั้งเว้นระยะห่งทางสังคมระหว่างกันอย่างน้อย 1 เมตร และหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยแอลกอฮอล์เจลที่มีให้บริการทั่วถึงทุกพื้นที่ในสถานี เพียงเท่านี้ก็เป็นการดูแลสุขภาพของตนเองและบุคคลรอบข้างให้ห่างไกลจากโรค” นายสมบัติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนาม ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 29 ก.ค.-เปิดภาพทหารล้อมรั้วลวดหนามรอบปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ในหลายพื้นที่ รวมทั้งบริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีการปะทะรุนแรง และก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามยั่วยุในลักษณะต่างๆ เช่น การขึ้นมาร้องเพลง และทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 2 ก็เชิญชวนให้คนไทยมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธม โดยยืนยันว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยไทย และได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศ ทั้งนี้ บริเวณปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นพื้นที่แรกๆ ที่เกิดเหตุปะทะ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ด้วยเหตุว่ากัมพูชาพยายามจะเข้ามายึดพื้นที่ปราสาท ซึ่งเป็นจุดสูงได้เปรียบในเชิงจุดยุทธศาสตร์ ก่อนจะเกิดเหตุปะทะในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 และนำมาสู่การเจรจาหยุดยิงโดยรัฐบาล 2 ประเทศ เมื่อวานนี้ จนกระทั่งมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างฝ่ายทหารในพื้นที่ 2 ประเทศในวันนี้ และทำให้เสียงปืนสงบลง.-313.-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์หลังข้อตกลงหยุดยิง หลายพื้นที่ยังปะทะเดือด

29 ก.ค.- ย้อนดูไทม์ไลน์ เหตุปะทะในหลายพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา ทันทีที่ข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข ถูกกำหนดในเวลาเที่ยงคืน สมรภูมิสำคัญตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม เดือดถึงขีดสุด เพราะต่างฝ่ายต่างต้องการแย่งชิงพื้นที่ ยิ่ง 30 นาทีสุดท้ายก่อนเดดไลน์ ทหารหน่วยรบพิเศษของไทย เข้าปะทะ “กองกำลัง BHQ” ที่เสริมกำลังเข้ามาอย่างดุเดือด ก่อนที่ไทยจะยึดประสาทตาควายไว้ได้ก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง แต่ปรากฏว่าเสียงปืนและระเบิด สงบลงหลังเส้นตายหยุดยิงเพียงไม่นาน ตลอดทั้งคืน ไทยยังถูกกัมพูชา ยิงยั่วยุ ยาวจนถึงเช้า ภาพนี้ทหารไทยได้ถ่ายเวลาจากนาฬิกา ในเวลา 06.29 น. ขณะได้ยินเสียงปืนใหญ่ที่ฝั่งกัมพูชาระดมยิงใส่ฝั่งไทยไว้เป็นหลักฐานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษก ทบ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี ว่าหลังจากมีการหยุดยิง ในเวลา 00.00 น. แล้ว พบว่าในพื้นที่ภูมะเขือ ถูกก่อกวน โดยฝ่ายทหารกัมพูชา มีการยิงปะทะตอบโต้จากทั้งสองฝ่ายจนถึงเช้า พื้นที่ซำแต มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น จนถึงเวลา 05.30 น. เนื่องจากทหารกัมพูชาไม่ยอมหยุด […]

ทหารม้าคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา ในพื้นที่ซำแต หลังยอมจำนน

ศรีสะเกษ 29 ก.ค.-ทบ. เผยคุมตัว 18 ทหารกัมพูชา หลังทหารม้า เข้ากวาดล้างที่มั่นเขมร พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ หลังยอมจำนน จนท.ปลดอาวุธ ยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลเคร่งครัด ก่อนจะดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป วันนี้ (29 กรกฎาคม 2568) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานผลการควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 18 นาย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ ซำแต อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธวิถีโค้ง ยิงเข้ามาในเขตพื้นที่ของไทย ฝ่ายไทยจึงได้ใช้ หน่วยทหารม้าเฉพาะกิจเข้าทำการตอบโต้และกวาดล้างที่มั่นของฝ่ายกัมพูชา จากการปฏิบัติดังกล่าว พบมีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งยอมจำนนโดยไม่มีท่าทีหรือลักษณะจะคุกคามฝ่ายไทย ทางหน่วยจึงดำเนินการปลดอาวุธและควบคุมตัวตามขั้นตอน โดยยึดถือหลักมนุษยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด มีจำนวน 18 นาย ชั้นยศ ร้อยตรี 1 นาย, จ่าสิบโท 2 นาย, สิบเอก 12 นาย, สิบโท […]