นครพนม 30 พ.ค.- ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม บุกจับครูวัย 52 ปี ก่อเหตุกระทำชำเราหลานแท้ๆ อายุ 15 ปี ล่าสุดศาลไม่ให้ประกันตัวต้องเข้าคุกทันที ส่วนต้นสังกัดเตรียมเสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว
ชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม เข้าจับกุมตัวนายวีระชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในนครพนม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่า 15 ปี กระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี และกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี หลังสืบทราบว่ากระทำชำเราหลานสาวแท้ๆ มายาวนานกว่า 3 ปี ในระหว่างที่พ่อแม่ของเด็กได้นำมาฝากให้เลี้ยงดู ขณะมาเรียนหนังสือที่นครพนม จนกระทั่งปัจจุบันเด็กอายุ 15 ปี
สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม แม่ของ “ด.ญ.เปิ้ล” (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้แจ้งความว่า ลูกสาวถูกผู้ต้องหา ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง (สามีของพี่สาวพ่อเด็ก) และครูในโรงเรียนเดียวกัน ข่มขืนกระทำชำเราในบ้านพักเป็นเวลานานกว่า 3 ปี โดยอาศัยช่วงที่ไม่มีใครอยู่บ้าน และมีการข่มขู่ว่าห้ามนำเรื่องไปบอกใคร จึงเก็บความลับมานานหลายปี
สำหรับพฤติการณ์ที่ทำให้ครอบครัวของ “ด.ญ.เปิ้ล” สงสัย เกิดขึ้นขณะที่ “ด.ญ.เปิ้ล” ได้วิดีโอคอลกับยายและญาติ แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้เปิดประตูห้องเข้ามา และตะคอกด่า โดยหาว่ากำลังวิดีโอคอลกับผู้ชายด้วยอาการไม่พอใจอย่างมากจนผิดสังเกต กระทั่งมีการเค้นถามความจริงจาก “ด.ญ.เปิ้ล” กระทั่งทราบว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนที่ครอบครัวจะพาไปตรวจร่างกายและหาร่องรอยกระทำชำเรา จนพบว่ามีการล่วงละเมิดจริง จึงแจ้งตำรวจสืบสวนสอบสวน รวมถึงประสานสหวิชาชีพเข้าสอบปากคำ กระทั่งมีการบุกจับกุมตัวได้ในที่สุด
ทั้งนี้ ภายหลังที่นำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายวีระชัย ไปขออำนาจศาลจังหวัดนครพนมฝากขัง
ซึ่งระหว่างนำตัวออกมาจากห้องควบคุม พบว่านายวีระชัย ใช้ผ้าขาวม้าคลุมศีรษะตลอดเวลาและไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่ครอบครัวได้นำหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินยื่นประกันตัว แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้มีอัตราโทษสูงอาจทำให้ผู้ต้องหาหลบหนี จึงไม่รับคำร้องประกันตัว และถูกส่งไปยังเรือนจำกลางจังหวัดนครพนมทันที
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเพื่อนสนิทของผู้ต้องหาคนหนึ่งเล่าว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาระหว่างที่ถูกควบคุมตัว ผู้ต้องหายืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และเชื่อว่าเป็นการถูกใส่ร้าย พร้อมอ้างว่าเหตุผลน่าจะเกิดจากการเด็กไม่ค่อยช่วยงานบ้านและชอบเล่นโทรศัพท์ รวมถึงมักจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปหาเพื่อนผู้ชายเป็นประจำ จึงถูกดุด่าว่ากล่าวและสร้างความไม่พอใจจนกุเรื่องขึ้นมาใส่ร้าย และหากผลสอบสวนออกมาว่าไม่มีความผิด เตรียมฟ้องกลับแม่ลูกคู่นี้ทันที
ด้านนายประหยัด วังวร ผอ.โรงเรียนต้นสังกัดของผู้ต้องหาบอกว่า หลังจากนี้จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมเสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อนระหว่างการสอบสวนของตำรวจ โดยผู้ต้องหาเป็นพนักงานราชการ ทำงานมาประมาณ 10 ปี แต่ยังไม่ได้บรรจุเป็นข้าราชการ ซึ่งปกติแล้วเป็นคนขยันขันแข็งและมาทำงานพร้อมกับภรรยาที่เป็นครูโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา.-สำนักข่าวไทย