ส.ส.ฝ่ายค้าน ตั้งข้อสังเกต เงินช่วยเหลือ SMEs เข้าถึงยาก

รัฐสภา 30 พ.ค.-  ถก พ.ร.ก.กู้เงิน วันที่ 4  ส.ส.ฝ่ายค้าน ตั้งข้อสังเกต เงินช่วยเหลือ SMEs เข้าถึงยาก ย้ำ ให้ระมัดระวังการใช้จ่ายงบประมาณ ระบุ ไม่สามารถกู้เงินมากไปกว่านี้ได้แล้ว  ขอให้รับข้อสังเกตของฝ่ายค้านไปพิจารณา      


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน วันนี้ (30 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 4  มีนายศุภชัย  โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2  ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยตลอดการพิจารณา 3 วันที่ผ่านมา  คณะรัฐมนตรีใช้เวลาไปแล้ว 4 ชั่วโมง 45 นาที   ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลใช้เวลาไปแล้ว 8 ชั่วโมง 35 นาที  ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลเหลือเวลาอภิปราย อีก 10 ชั่วโมง 38 นาที  ขณะที่ ฝ่ายค้าน ใช้เวลาไป 14 ชั่วโมง 23 นาที  เหลือเวลาการอภิปราย 9 ชั่วโมง 36 นาที 


นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย  เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก ว่า  ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการ SMEs มากกว่า 80% เข้าไม่ถึงแหล่งทุนในระบบธนาคาร  จึงเกรงว่าผู้ประกอบการรายย่อยจะเข้าไม่ถึงมาตรการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ตาม พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท  หากนายกรัฐมนตรีอยากจะคืนความสุข ก็ขอให้ #ลอถลมตรคล ซึ่งแปลว่า “ลาออกเถอะลุง ไม่ต้องรอคนไล่”

ขณะที่ นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายชื่นชมนายกรัฐมนตรี และ ศบค.มีความสามารถควบคุมโควิด-19 จนผู้นำทั่วโลกชื่นชมประเทศไทย  พ.ร.ก.ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ คือ พ.ร.ก.เราไม่ทิ้งกัน จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท จะเป็นผลดีกับประชาชนอีก 16 ล้านคน เป็นเหตุให้ประชาชนมีความสุขเพิ่มขึ้น แต่อาจจะมีเหตุให้ประชาชนขัดข้องบ้าง ล่าช้าบ้าง เป็นเรื่องปกติของระบบ ที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนในเรื่องการได้รับการเยียวยาของรัฐบาล  


ด้าน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายถึง  พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ ซื้อหุ้นกู้เอกชน วงเงิน 400,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้หุ้นกู้เอกชนทั้งระบบมีทั้งหมด 3.6 ล้านล้านบาท เท่ากับว่ามีงบประมาณเข้าไปรองรับร้อยละ 11 ของหุ้นกู้ทั้งหมด จึงต้องพิจารณาว่าหุ้นกู้ที่จะเข้าไปรับรองรับ มีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า โดยปกติการปล่อยหุ้นกู้จะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีเพียงหนังสือการยืนยันปล่อยซื้อหุ้นกู้ และการกำหนดเรตติ้งหุ้นกู้ให้กับนักลงทุน แต่มาตรา 11 ของพระราชกำหนดให้มีหลักประกันแก่ผู้ถือตราสารหนี้ ตราสารหนี้ที่กองทุนซื้อ จะต้องได้รับหลักประกันไม่ด้อยกว่าหลักประกันที่ผู้ออกตราสารหนี้ให้แก่ผู้ถือตราสารหนี้อื่นในคราวเดียวกัน  

นายมงคลกกิตติ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเอกชนขายหุ้นกู้ เพื่อไปใช้หนี้เดิม ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย อาทิ เครือ CP ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ขายหุ้นกู้ไป 440,562 ล้านบาท เครือ TCC Group ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ขายหุ้นกู้ไป 329,662 ล้านบาท รวมทั้ง 2 ราย ถือเป็นหุ้นกู้กว่าร้อยละ 20 ของทั้งหมด ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีแค่เรตติ้งเท่านั้น เช่นเดียวกับ บริษัท การบินไทย มีหุ้นกู้หมื่นล้าน ระดับ A+ แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน , ปูนซิเมนต์ไทยมีหุ้นกู้ 5 หมื่นล้านบาท ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน , บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มี หุ้นกู้ 14,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้หมดอายุ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 

“จึงขอเสนอให้คณะรัฐมนตรีและธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำกับการซื้อหุ้นกู้ของเอกชน ออกเงื่อนไขให้มีหลักเกณฑ์ในการค้ำประกันร้อยละ 30-50 เพื่อกันพลาด ไม่ให้เกิดเป็นหนี้เสีย และฝากให้รัฐบาลควบคุมติดตามการดูแลของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าการซื้อหุ้นกู้จะพลาดไม่ได้ หากพลาดติดคุก” นายมงคลกิตติ์ กล่าว พร้อมเปรียบเทียบปี 2541 ถึง 2542 มีการขายทรัพย์สินขององค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส. ต่ำกว่าราคา จาก 810,000 ล้านบาท ต้องขายไปในราคา 190,000 ล้านบาท ขาดทุน 62,000 ล้านบาททันที  อย่าลืมว่าหนี้เป็นของแผ่นดิน ซึ่งหนี้ของปี 2540 ยังมีค้างอยู่ 748,000 ล้านบาท  

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการใช้งบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบวงเงิน 400,000 ล้านบาท ที่เพิ่งมีหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยไปถึงท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้รีบเสนอโครงการที่จะใช้จ่ายเข้ามา โดยหนังสือออกวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา และให้ส่งแผนงานหรือโครงการภายในวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งเร่งรีบ ขาดความละเอียดรอบคอบ และระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน และตั้งคำถามถึงงบประมาณว่า จะเพียงพอต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายหนักทั้งประเทศได้หรือไม่

นายยุทธพงศ์ อภิปรายถึง พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบ วงเงินรวมไม่เกิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งกำหนดเงื่อนไข SMEs วงเงินสินเชื่อต้องไม่เกิน 500 ล้านบาท แต่โรงแรมที่ลงทุนในปัจจุบันมูลค่าเกิน 500 ล้านบาท ทำให้ไม่เข้าเงื่อนไขได้รับการช่วยเหลือ และเงินที่จะช่วยเหลือ SMEs ก็เป็นการให้กู้เพิ่ม และต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดหนี้เดิม แทนที่จะให้เงินไปเพื่อลดต้นและดอกเบี้ย แต่กลับเอาหนี้ไปให้กู้เพิ่ม จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทบทวน

นายยุทธพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการเก็บดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี โดยไม่เรียกเก็บจากผู้เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่ต้องการเอาเงินไปปล่อยต่อ เพราะดอกเบี้ยต่ำ ไม่คุ้ม การกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องใช้เงินคืนให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย ภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันที่ได้รับเงินกู้ จะกลายเป็นภาระของธนาคารพาณิชย์ จะเอาเงินที่ไหนมาคืน หากผู้กู้ยังไม่ฟื้นตัวในระยะเวลา 2 ปี และกฎหมายยังมีลักษณะ 2 มาตรฐาน โดยกำหนดให้ไม่คิดอัตราค่าธรรมเนียมการกู้เงิน แต่ธนาคารออมสินสามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้ จึงต้องการให้ดูเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ ให้ครอบคลุมมากขึ้น 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ส่วน พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ วงเงิน 400,000 ล้านบาท เพื่อเอามาช่วยหุ้นกู้ หรือตราสารหนี้   กองทุนที่จะลงทุนอายุไม่เกิน 270 วัน เป็นระยะเวลาที่เร็วมาก และผลตอบแทนหุ้นกู้ ดอกเบี้ยผลตอบแทนขั้นสูงที่ลงทุนหุ้นกู้ ซึ่งจัดหามาจากแหล่งอื่น บวกด้วยค่าธรรมเนียมการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนร้อยละ 1 ต่อปี สำหรับเงินส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 30 ของยอดตราสารหนี้ที่ครบกำหนด และร้อยละ 2 ต่อปี สำหรับเงินส่วนที่เกินร้อยละ 30 ของยอดตราสารหนี้ที่ครบกำหนด ถือว่าดอกเบี้ยแพง  ขณะนี้มีหลายบริษัทมีปัญหาขอยืดเวลาครบกำหนดหุ้นกู้ออกไป ซึ่งไม่เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือจากกองทุน 400,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องไปกู้ธนาคารพาณิชย์มาจ่ายเงินให้กับผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกกว่า เช่นบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทชาญอิสระ เป็นต้น

“เงินที่จะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ก็มีปัญหา เงินที่จะช่วยหุ้นกู้ก็ไม่สามารถช่วยได้จริง เพราะมีค่าใช้จ่ายแพง  ขณะนี้เป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งแรกของโลก จึงฝากไปถึงรัฐบาลให้แก้ไขปัญหาสำเร็จลุล่วง ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณ เพราะเงินกู้รอบนี้เป็นเงินกู้รอบสุดท้ายแล้ว ไม่สามารถกู้มากกว่านี้ได้ จึงต้องทำให้เกิดประโยชน์ ข้อท้วงติงที่ได้อภิปรายไปก็ขอให้รัฐบาลนำไปเป็นข้อสังเกต เพราะสิ่งที่พูดไปเป็นความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง” นายยุทธพงศ์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

โผ ครม. แพทองธาร 2 หลังภูมิใจไทยถอนตัว

21 มิ.ย. – สะพัดโผ ครม. แพทองธาร ชุดใหม่ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” นั่ง มท.1 พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ หรือ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งกลาโหม ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้ ครม. ว่างลง 8 ตำแหน่ง โผการปรับคณะรัฐมนตรีล่าสุด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะไปนั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ ยืนยันว่า พร้อมไปทำงานในทุกตำแหน่งที่นายกรัฐมนตรี มอบหมาย ส่วน รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 2) มีชื่อ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จากพรรคประชาธิปัตย์ จะสลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย (มท. 3) ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม […]

เลขาฯ เพื่อไทย ยัน นายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา

กทม. 21 มิ.ย.-เลขาฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา หลังงบฯ 69 ผ่านวาระสาม ตามที่มีกระแสข่าว เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภาษีทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ขออย่าให้การเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ว่า “จากกระแสข่าวลือที่ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ -การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด-การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น-มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่-การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) […]

เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชาติดเชื้อในกระแสเลือด

จันทบุรี 21 มิ.ย. – น้ำใจคนไทย! เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชา วัย 67 ปี ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งรักษา รพ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 20 มิ.ย. เวลา 21.00 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด (กปช.จต.) โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ชุดเคลื่อนที่เร็วทหารผ่านนาวิกโยธินที่ 4 (ชค.ทพ.นย.4) หมวดอาวุธสนับสนุนที่ 4 จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ได้รับการประสานจาก นปพท.จันทบุรี ให้อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนให้กับนางหยาง ทัช อายุ 67 ปี ผู้ป่วยฉุกเฉินชาวกัมพูชา พร้อมผู้ร่วมเดินทาง รวมจำนวน 4 คน เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต มีไข้สูง หนาวสั่น และปวดศีรษะรุนแรง เพื่อไปรักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพจันทบุรี เนื่องจากทาง รพ.กัมพูชา ไม่สามารถรักษาได้ เพราะเครื่องมือทางการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่มี จึงขอประสานส่งตัวที่บริเวณสะพานคลองตะเคียน […]

แบ่งงานรองนายกฯ ใหม่ หลัง ภท. ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – นายกฯ ลงนามคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯใหม่ หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” กำกับดูแล “มหาดไทย” ไร้ชื่อ “พีระพันธุ์” กำกับงานส่วนไหนเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มิ.ย.68 โดยรายละเอียดในคำสั่งมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (รวมทั้งราชการของราชบันฑิตยสภา) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐนตรี มอบอำนาจให้กำกับบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ […]