รัฐสภา 28 พ.ค. – นายกฯ ยอมรับกำลังพิจารณายกเลิกข้อกำหนดบางข้อใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้เดินทางข้ามจังหวัดได้ ซึ่งจะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ พร้อมขอประชาชนการ์ดห้ามตก ชี้หากร่วมมือ ก็จะเดินหน้าไปสู่การผ่อนคลายในระยะที่ 4
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การผ่อนคลายกิจกรรมกิจการ ในระยะที่ 3 ซึ่งจะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ (29พ.ค.) ว่า ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบครอบ โดยยืดสิ่งสำคัญคือ จะต้องป้องกันการแพร่ระบาดของเชื่อโควิด-19 ให้ได้ แต่ทั้งนี้ยอมรับมีความเป็นห่วงในเรื่องของเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ขณะนี้รัฐบาลได้มีการเยียวยาช่วยเหลือไปมากที่สุดแล้ว รวมถึงใช้งบประมาณที่สูงในการดำเนินการครั้งนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหามาตรการที่จะมาผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือทุกกลุ่ม แต่การ์ดจะต้องไม่ตก รวมถึงมาตรการที่ทางรัฐบาล และทางด้านสาธารณสุขออกมาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรฐานกลางที่รัฐบาลได้วางไว้ ไม่ว่าจะเปิดโรงเรียนหรือสถานที่ต่างๆ ทำการค้าขายก็จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งรัด ซึ่งหากร่วมมือกันเช่นนี้ ก็จะเดินหน้าไปสู่การผ่อนคลายในระยะที่ 4 ได้ ซึ่งอยากให้ถึงระยะที่ 4 โดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นในต่างประเทศที่กลับมาระบาดอีก ต้องค่อยๆ ดำเนินการผ่อนปรน ไม่ปล่อยเร็วเกินไปจนเกิดปัญหา และย้ำว่าการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตลอดเดือนมิถุนายนนั้น ก็เพื่อให้ทุกพื้นที่ปลอดภัย แม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะไม่เห็นด้วย ก็เพื่อควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ดังนั้นจึงขอย้ำว่ารัฐบาล มีความพยายามที่ปลดล็อกกิจกรรม กิจการ ระยะที่ 3 ให้ได้มากที่สุด แต่บางสิ่ง จำเป็นต้องปิดจึงต้องขอความร่วมมือให้มากที่สุด เพราะไม่อยากให้เกิดความเจ็บป่วย จึงขอให้อดทน โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เพราะตนมีหน้าที่ดูแลประชาชนโดยรวม ยอมรับไม่สบายใจ แต่สิ่งที่ทำมาแล้วจะต้องไม่เกิดความเสียหาย ประชาชนปลอดภัยมากที่สุด โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีการเดินทางข้ามแดนเข้ามา ก็ต้องเข้าสู่สถานที่กักกันตัว หากปล่อยเข้ามา ตัวเลขก็อาจจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็อยู่ในกรอบที่รัฐบาลและด้านสาธารณสุขดูแลได้ จึงได้มีการเพิ่มจำนวนผู้ที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งทุกวันนี้อยู่ที่ 500 คนต่อวัน และยอมรับส่งผลต่อความมั่นคงในประเทศ แต่หากทุกคนเคารพกฎหมาย ก็จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ เช่นเดียวกับการเดินทางของคนไทย กลับจากต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า จะมีการยกเลิกบางข้อกำหนดใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการเดินทางข้ามจังหวัดได้ ซึ่งได้พยักหน้าและบอกว่า ก็พิจารณาอยู่ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ได้ดูในเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงภาพรวมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน วันที่ 2 ว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล อยู่ที่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน และมั่นใจสามารถชี้แจงได้ทุกข้อสงสัย โดยสิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจว่าการดำเนินการทุกอย่างมีขั้นตอนและมีกฎหมายรองรับ ซึ่งยืนยันไม่มีการทุจริตเพราะตามหลักการนโยบายได้เน้นย้ำเรื่องนี้ไว้แล้ว ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันทำให้เต็มที่ ร่วมกันตรวจสอบกลไกต่างๆ พร้อมย้ำจะไม่ก้าวล่วงใครเด็ดขาด แต่หากพบการทุจริตสามารถร้องเรียนให้หน่วยงานต่างๆมาตรวจสอบได้
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้รับทราบความคืบหน้ากรณีขบวนการหักหัวคิวสถานกักกันของรัฐแล้ว และส่งรายชื่อผู้ที่ถูกร้องเรียนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง 3 -4 คน ให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันเป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน ซึ่งต้องช่วยกัน และเป็นเรื่องดีที่มีการแจ้งข้อมูลเข้ามา.-สำนักข่าวไทย