“อนุทิน” แจงแบ่งงบด้าน สธ. 45,000 ล้าน เร่งพัฒนาวัคซีน

รัฐสภา 28 พ.ค.-“อนุทิน” แจงแบ่งงบด้านสาธารณสุข 45,000 ล้าน เร่งพัฒนาวัคซีน ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านสาธารณสุขของโลก ขอบคุณทุกกำลังใจ เป็นพลังต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 มั่นใจความพร้อมสู่การผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ให้กำลังใจรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์และตนเอง ซึ่งจะเป็นพลังที่ต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทุกคนจะรู้สึกปลื้มใจกับการให้กำลังใจจากสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนประเด็นที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่ารัฐบายปล่อยให้มีกิจกรรมเสี่ยง ให้คนจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้าประเทศ อุปกรณ์การแพทย์ขาดแคลนนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า นับตั้งแต่มีข่าวการระบาดของโรคโควิด-19 จากประเทศจีน ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2562 กระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรค เปิดสวิตช์ทันที เตรียมองคาพยพให้พร้อมจนวันที่ 3 มกราคม 2563 มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาประเทศไทยในจุดสำคัญ เช่น สนามบินและท่าเรือ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ได้ดำเนินการคัดกรองผู้ป่วย โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ประกาศว่าพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนรายแรก ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว และหลังจากนั้นมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว โดยกระทรวงสาธารณสุขทำการรักษานักท่องเที่ยวเหล่านั้นจนหายครบทุกคน สามารถเดินทางกลับประเทศได้


“สิ่งที่ทำไปนี้เป็นประโยชน์มหาศาลต่อประเทศไทย ประเทศจีนมีความซาบซึ้งและชื่นชมประเทศไทยในการดูแลคนของเขาเป็นอย่างดี หลังจากนั้นได้รับการสนับสนุนทั้งเวชภัณฑ์ ยา ข้อมูล เทคโนโลยีต่าง ๆ จากประเทศจีนโดยตลอดจนถึงปัจจุบันนี้” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนการปล่อยให้มีกิจกรรมเสี่ยง เช่น สนามมวย การเปิดร้านอาหาร เปิดผับบาร์ นายอนุทิน ชี้แจงว่า จริง ๆ แล้วรัฐบาลออกมาตรการแล้ว อาจจะมีการหลุดบ้าง แต่ที่สำคัญ คือ เมื่อหลุดแล้วต้องสามารถสอบสวนโรคและนำทุกคนมารักษา เช่นที่สนามมวย ทุกคนได้รับการรักษาและขยายผลไม่มีขาดตกแม้แต่คนเดียว ส่วนใหญ่กลับบ้านได้หมดแล้ว มีบางคนที่อายุมากไม่เกิน 2-3 ราย สูงอายุ มีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ทำให้มีอาการหนักและต้องเสียชีวิต แต่สถิติการรักษาพยาบาลสถิติของกระทรวงสาธารณสุข การรักษาโดยบุคลากรทางการแพทย์ยังอยู่ในมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้

สำหรับการปล่อยให้ประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้ามาประเทศมากนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า รัฐบาลใช้มาตรการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยออกมาตรการทางการบินและมาตรการคัดกรอง ไม่ว่าจะเป็นการกักตัว 14 วัน หรือการกำหนดให้มีการทํา Exit Scan จากประเทศต้นทางก่อนเดินทางมาสู่ประเทศไทย โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ถึงจะหยุดจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ เว้นแต่จะมีภารกิจจำเป็นจริง ๆ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปัจจุบันนี้การแพร่เชื้อในประเทศไม่มีแล้ว ประเทศไทยตั้งการ์ดสูงอย่างเต็มที่ มีเพียงการเปิดโอกาสให้คนไทยกลับเข้ามาประเทศ ตามโควตาที่กำหนดให้ ซึ่งต้องทำการกักกันและการตรวจรักษาก่อน


ส่วนความพร้อมด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ นายอนุทิน กล่าวว่า โรงพยาบาลทุกแห่งที่เป็นโรงพยาบาลหลักมีความพร้อมรับมือให้บริการ ตั้งแต่ระบบการคัดแยกผู้ป่วย ระบบการรักษา และการติดตามเฝ้าระวังทุกจังหวัดในประเทศไทย มีห้องแยก มีห้องไอซียู มีห้องป่วยโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ ไม่ให้มีการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล ส่วนชนกลุ่มน้อยและแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในประเทศ กระทรวงสาธารณสุขก็ควบคุมคนเหล่านี้ไว้ได้และดูแลตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งทราบว่าคนเหล่านี้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ไม่ได้ผลักดันออกไปทันที โดยใช้โรงพยาบาลสนามแทนดูแล มีการใช้เทคโนโลยีทุกชนิด มีความพร้อม ซึ่งเป็นตัวสำรองหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่ต้องการให้เกิดหรือการระบาดรอบ 2 แต่ก็ไม่ได้ประมาท กระทรวงสาธารณสุขพร้อมดูแลทุกคนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติหรือเชื้อชาติใด ส่วนการดูแลอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. คนกลุ่มนี้คือคนที่ทำให้ระบบสาธารณสุขที่คิดว่าถึงทางตันแล้ว สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ทั้ง 1,050,000 คน พวกเราทุกคนเป็นหนี้คนกลุ่มนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องช่วยกันพิจารณาตอบแทนพี่น้อง อสม.เหล่านี้

“กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้การ์ดตก ขอประชาชนตั้งการ์ดสูงตลอดเวลา ถ้านับคะแนนยังไม่น็อคเอาท์ ตอนนี้คะแนนเรานำอยู่ และจะเอาชนะได้เมื่อมีวัคซีน โดยงบประมาณ 45,000 ล้าน กระจายงบประมาณส่วนหนึ่งให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ค้นคว้าหาวัคซีนให้ได้ การที่ประเทศไทยจะเป็นแชมป์ด้านสาธารณสุขของโลก อีกเรื่องเดียว คือ ต้องคิดค้นวัคซีนให้ได้ ส่วนเรื่องอื่นประเทศไทยกวาดมาหมดแล้ว วันหนึ่งถ้าคิดค้นวัคซีนไว้ได้ จึงจะสามารถพูดได้ว่าประเทศไทยคือผู้นำด้านสาธารณสุขอย่างแท้จริง ยืนยันว่าได้กำชับห้ามใช้งบประมาณในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ต้องใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรม องค์ความรู้ เครื่องมือแพทย์ ซึ่งบางประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจถึงขั้นที่ว่าคนนี้ต้องอยู่ คนนี้ต้องตาย แต่ประเทศไทยจะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่แพทย์จะต้องตัดสินใจว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย จะต้องเตรียมความพร้อมเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ เทคโนโลยี ความเก่งกาจของแพทย์และพยาบาล เทคนิคการแพทย์ เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ซึ่งเป็นนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ และได้รับการสนับสนุนที่ดีจากหัวหน้ารัฐบาล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจว่าการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 เป็นไปเพื่อเข้าสู่การผ่อนคลายการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้อยู่ในกรอบที่คณะรัฐมนตรีให้บังคับใช้ 3 เดือน แต่มองว่าประเทศไทยเตรียมความพร้อมเดินออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้การบริการดูแลรักษา ไม่ให้โควิด-19 ทำร้ายประชาชนไทยอีกต่อไป ต้องไม่เสียทั้งหมดเพราะโควิด-19 แต่จะต้องได้ประโยชน์จากผู้ที่จะมาใช้บริการทางการแพทย์ในอนาคต สิ่งที่สูญเสียไปจะต้องนำกลับคืนมาให้ได้ ขอขอบคุณประธานและสมาชิกที่ให้กำลังใจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS

“แพทองธาร” นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS ขับเคลื่อนความร่วมมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ