“อนุทิน” แจงแบ่งงบด้าน สธ. 45,000 ล้าน เร่งพัฒนาวัคซีน

รัฐสภา 28 พ.ค.-“อนุทิน” แจงแบ่งงบด้านสาธารณสุข 45,000 ล้าน เร่งพัฒนาวัคซีน ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านสาธารณสุขของโลก ขอบคุณทุกกำลังใจ เป็นพลังต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 มั่นใจความพร้อมสู่การผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ให้กำลังใจรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์และตนเอง ซึ่งจะเป็นพลังที่ต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19 อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทุกคนจะรู้สึกปลื้มใจกับการให้กำลังใจจากสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนประเด็นที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่ารัฐบายปล่อยให้มีกิจกรรมเสี่ยง ให้คนจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้าประเทศ อุปกรณ์การแพทย์ขาดแคลนนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า นับตั้งแต่มีข่าวการระบาดของโรคโควิด-19 จากประเทศจีน ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2562 กระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรค เปิดสวิตช์ทันที เตรียมองคาพยพให้พร้อมจนวันที่ 3 มกราคม 2563 มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาประเทศไทยในจุดสำคัญ เช่น สนามบินและท่าเรือ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ได้ดำเนินการคัดกรองผู้ป่วย โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ประกาศว่าพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนรายแรก ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว และหลังจากนั้นมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว โดยกระทรวงสาธารณสุขทำการรักษานักท่องเที่ยวเหล่านั้นจนหายครบทุกคน สามารถเดินทางกลับประเทศได้


“สิ่งที่ทำไปนี้เป็นประโยชน์มหาศาลต่อประเทศไทย ประเทศจีนมีความซาบซึ้งและชื่นชมประเทศไทยในการดูแลคนของเขาเป็นอย่างดี หลังจากนั้นได้รับการสนับสนุนทั้งเวชภัณฑ์ ยา ข้อมูล เทคโนโลยีต่าง ๆ จากประเทศจีนโดยตลอดจนถึงปัจจุบันนี้” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนการปล่อยให้มีกิจกรรมเสี่ยง เช่น สนามมวย การเปิดร้านอาหาร เปิดผับบาร์ นายอนุทิน ชี้แจงว่า จริง ๆ แล้วรัฐบาลออกมาตรการแล้ว อาจจะมีการหลุดบ้าง แต่ที่สำคัญ คือ เมื่อหลุดแล้วต้องสามารถสอบสวนโรคและนำทุกคนมารักษา เช่นที่สนามมวย ทุกคนได้รับการรักษาและขยายผลไม่มีขาดตกแม้แต่คนเดียว ส่วนใหญ่กลับบ้านได้หมดแล้ว มีบางคนที่อายุมากไม่เกิน 2-3 ราย สูงอายุ มีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ทำให้มีอาการหนักและต้องเสียชีวิต แต่สถิติการรักษาพยาบาลสถิติของกระทรวงสาธารณสุข การรักษาโดยบุคลากรทางการแพทย์ยังอยู่ในมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้

สำหรับการปล่อยให้ประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้ามาประเทศมากนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า รัฐบาลใช้มาตรการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยออกมาตรการทางการบินและมาตรการคัดกรอง ไม่ว่าจะเป็นการกักตัว 14 วัน หรือการกำหนดให้มีการทํา Exit Scan จากประเทศต้นทางก่อนเดินทางมาสู่ประเทศไทย โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ถึงจะหยุดจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ เว้นแต่จะมีภารกิจจำเป็นจริง ๆ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปัจจุบันนี้การแพร่เชื้อในประเทศไม่มีแล้ว ประเทศไทยตั้งการ์ดสูงอย่างเต็มที่ มีเพียงการเปิดโอกาสให้คนไทยกลับเข้ามาประเทศ ตามโควตาที่กำหนดให้ ซึ่งต้องทำการกักกันและการตรวจรักษาก่อน


ส่วนความพร้อมด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ นายอนุทิน กล่าวว่า โรงพยาบาลทุกแห่งที่เป็นโรงพยาบาลหลักมีความพร้อมรับมือให้บริการ ตั้งแต่ระบบการคัดแยกผู้ป่วย ระบบการรักษา และการติดตามเฝ้าระวังทุกจังหวัดในประเทศไทย มีห้องแยก มีห้องไอซียู มีห้องป่วยโรคโควิด-19 โดยเฉพาะ ไม่ให้มีการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล ส่วนชนกลุ่มน้อยและแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในประเทศ กระทรวงสาธารณสุขก็ควบคุมคนเหล่านี้ไว้ได้และดูแลตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งทราบว่าคนเหล่านี้ติดเชื้อจำนวนมาก แต่ไม่ได้ผลักดันออกไปทันที โดยใช้โรงพยาบาลสนามแทนดูแล มีการใช้เทคโนโลยีทุกชนิด มีความพร้อม ซึ่งเป็นตัวสำรองหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่ต้องการให้เกิดหรือการระบาดรอบ 2 แต่ก็ไม่ได้ประมาท กระทรวงสาธารณสุขพร้อมดูแลทุกคนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติหรือเชื้อชาติใด ส่วนการดูแลอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม. คนกลุ่มนี้คือคนที่ทำให้ระบบสาธารณสุขที่คิดว่าถึงทางตันแล้ว สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ทั้ง 1,050,000 คน พวกเราทุกคนเป็นหนี้คนกลุ่มนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องช่วยกันพิจารณาตอบแทนพี่น้อง อสม.เหล่านี้

“กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้การ์ดตก ขอประชาชนตั้งการ์ดสูงตลอดเวลา ถ้านับคะแนนยังไม่น็อคเอาท์ ตอนนี้คะแนนเรานำอยู่ และจะเอาชนะได้เมื่อมีวัคซีน โดยงบประมาณ 45,000 ล้าน กระจายงบประมาณส่วนหนึ่งให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ค้นคว้าหาวัคซีนให้ได้ การที่ประเทศไทยจะเป็นแชมป์ด้านสาธารณสุขของโลก อีกเรื่องเดียว คือ ต้องคิดค้นวัคซีนให้ได้ ส่วนเรื่องอื่นประเทศไทยกวาดมาหมดแล้ว วันหนึ่งถ้าคิดค้นวัคซีนไว้ได้ จึงจะสามารถพูดได้ว่าประเทศไทยคือผู้นำด้านสาธารณสุขอย่างแท้จริง ยืนยันว่าได้กำชับห้ามใช้งบประมาณในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ต้องใช้เพื่อพัฒนานวัตกรรม องค์ความรู้ เครื่องมือแพทย์ ซึ่งบางประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจถึงขั้นที่ว่าคนนี้ต้องอยู่ คนนี้ต้องตาย แต่ประเทศไทยจะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่แพทย์จะต้องตัดสินใจว่าใครจะอยู่หรือใครจะตาย จะต้องเตรียมความพร้อมเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ เทคโนโลยี ความเก่งกาจของแพทย์และพยาบาล เทคนิคการแพทย์ เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ซึ่งเป็นนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ และได้รับการสนับสนุนที่ดีจากหัวหน้ารัฐบาล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า มั่นใจว่าการผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 เป็นไปเพื่อเข้าสู่การผ่อนคลายการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้อยู่ในกรอบที่คณะรัฐมนตรีให้บังคับใช้ 3 เดือน แต่มองว่าประเทศไทยเตรียมความพร้อมเดินออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้การบริการดูแลรักษา ไม่ให้โควิด-19 ทำร้ายประชาชนไทยอีกต่อไป ต้องไม่เสียทั้งหมดเพราะโควิด-19 แต่จะต้องได้ประโยชน์จากผู้ที่จะมาใช้บริการทางการแพทย์ในอนาคต สิ่งที่สูญเสียไปจะต้องนำกลับคืนมาให้ได้ ขอขอบคุณประธานและสมาชิกที่ให้กำลังใจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]