กทม. 27 พ.ค.- ช่างเสริมสวย ร้องสำนักข่าวไทย ถูกมิจฉาชีพ นำบัตรเครดิตที่หล่นหาย ไปรูดซื้อสินค้า แจ้งตำรวจนาน 6 เดือน คดีไม่คืบ ซ้ำธนาคารยังให้รับผิดชอบ เดือดร้อนหนักพิษโควิด-19 ร้านถูกปิดไม่มีเงินจ่าย
นางสาวสุกานดา คำแหง อาชีพ ช่างเสริมสวย นำหลักฐานสำเนาการแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง และ สน.โคกคราม มาร้องทุกข์ที่สำนักข่าวไทย หลัง ลูกสาวทำกระเป๋าสตางค์ที่ภายในมีบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง หล่นหาย แล้วถูกมิจฉาชีพ นำบัตรเครดิตไป ตระเวนซื้อสินค้าตามร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าต่างๆ จนถูกธนาคารเรียกเก็บเงิน ยอดรวม 9,789 บาท
นางสาวสุกานดา ระบุว่า ลูกสาว ทำกระเป๋าสตางค์หาย ขณะลงจากรถแทกซี่ ช่วงกลางคืนวันที่ 23 พฤษจิกายน 2562ต่อมา เช้าวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 6.00 น. ตนได้รับข้อความจากธนาคาร ในฐานะเจ้าของบัตรหลักว่า บัตรเสริมของลูกสาวถูกใช้วงเงิน จึงรู้ตัว รีบแจ้งธนาคารอายัดบัตรทันที จากนั้น รีบเดินทางไปแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง ที่ตั้งของบ้านพัก พร้อมนำข้อมูล ที่ได้จากธนาคารว่าบัตรถูกใช้ในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าย่านลาดปลาเค้าในพื้นที่ สน.โคกคราม มาให้ตำรวจ แต่กลับถูกโยนให้ไปแจ้งความที่ สน.โคกคราม
เมื่อตนเดินทางไปที่ สน.โคกคราม พนักงานสอบสวนได้ให้นำภาพวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้าย เป็นชายและหญิง 2 คนขณะนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าให้กับตำรวจฝ่ายสืบสวน โดยคลิปดังกล่าวตนและครอบครัวเดินทางไปขอจากทางห้างมาเอง สุดท้ายได้รับคำแนะนำให้กลับมารอที่บ้านพัก
ผ่านไป 1 เดือน พยายามไปติดตามความคืบหน้าที่ สน.โคกครามหลายครั้ง แต่คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ธนาคารแจ้งว่าตนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่คนร้ายนำไปรูดซื้อสินค้าทั้งหมด จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม ผู้กำกับการ สน.โคกคราม สุดท้ายได้รับแจ้งว่าคดีอยู่ในความรับผิดชอบของสน.วังทองหลวง และให้ตนไปจ้างความอีกครั้ง เมื่อเดือนมกราคม 2563 จนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบ 6 เดือน ได้รับแจ้งว่า ตำรวจรู้ตัวคนร้ายแล้ว และมีการออกหมายเรียกครั้งแรกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และยังไม่มีการดำเนินการใดๆต่อ จึงเดินทางมาร้องทุกข์ที่สำนักข่าวไทย
นางสาวสุกานดา ระบุด้วยว่า ตนไม่รู้จะทำอย่างไร ช่วงแรกธนาคารให้จ่ายยอดเงินทั้งหมด จึงจำต้องผ่อนชำระขั้นต่ำ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด 19 ร้านเสริมสวยที่ทำอยู่ถูกสั่งปิด จึงไม่มีรายได้ใดๆ จึงอยากขอร้องให้ธนาคารเห็นใจ ไปติดตามทวงถามเงินส่วนนี้จากคนร้ายเอง และอยากให้ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีคนร้ายด้วย.-สำนักข่าวไทย
