รัฐสภา 27 พ.ค.- นายกรัฐมนตรี ยันทุกฝ่ายสามารถตรวจสอบการใช้เงินเยียวยาโควิด-19 ได้ แจงไม่แบนสารเคมีเกษตร เพราะต้องรอสารทดแทน ย้ำตั้งใจแก้ปัญหาจัดการน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเย็น มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ว่า ควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจากสภาผู้แทนราษฎรในการตรวจสอบ และในระดับพื้นที่ควรแต่งตั้งคณะกรรมการภาคประชาชนร่วมตรวจสอบคู่ขนาน และขอให้รัฐบาลมีมาตรการยกเว้นภาษียาสูบ เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ
หลังการอภิปรายของนายชวลิต วิชยสุทธิ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงกรณีพาดพิงว่าไม่แบนสารเคมีภาคการเกษตร 3 ชนิด ว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตราย แต่ยืนยันว่า รัฐบาลมีนโยบายเกี่ยวกับเกษตรปลอดภัย แต่เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติมาก็ปฏิบัติตาม เพราะหากยกเลิกการใช้สารเคมีทั้งหมด ต้องหาสารมาทดแทนให้กับเกษตรกรด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นความตั้งใจของรัฐบาลอยู่แล้วให้เป็นเกษตรปลอดภัย แม้ขณะนี้จะไม่ใช่มาตรฐานสินค้าเกษตรสารเคมี 0 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เข้าข่ายเกณฑ์มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ Codex แต่ถ้าเสนอมา ก็จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ขัดแย้ง ไม่ก้าวก่ายการทำงานของใคร แต่จะต้องทำงานให้ได้โดยสร้างความเข้าใจกับประชาชนด้วย
ส่วนปัญหาการขึ้นภาษียาสูบนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจความเดือดร้อน ซึ่งกำลังพิจารณาเรื่องนี้กันอยู่ แต่รัฐบาลพยายามปรับเปลี่ยนให้ปลูกพืชทดแทน รวมถึงปัญหาเอายาสูบผลิตขายผลิตบุหรี่ในประเทศ ไปทำยาเส้นขายเป็นบุหรี่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน โดยให้คณะกรรมการศึกษาเรื่องนี้อยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไร เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนผู้ประกอบอาชีพ ผู้ปลูกยาสูบต้องช่วยกันคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร
สำหรับปัญหาการจัดการน้ำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ คือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สนทช. ดูแล 13 ลุ่มน้ำ จัดทำแหล่งกักเก็บน้ำ น้ำบาดาล แยกประเภทการใช้น้ำ ทำมากกว่าสมัยก่อนถึง 4 เท่า และต้องทำมากกว่านี้ ทุกอย่างอยู่ในแผนงานที่จะต้องขับเคลื่อน ซึ่งอาจจะใช้งบประมาณในส่วนเยียวยาฟื้นฟูและงบประมาณที่มีอยู่แล้วบ้าง เป็นสิ่งที่ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะน้ำคือชีวิต น้ำคือสิ่งที่เกษตรกรต้องการ และได้พบกับชาวนาเกษตรกรที่แท้จริง จึงทราบดีว่าเดือดร้อนมีปัญหา แต่เกษตรกรก็พอใจว่ารัฐบาลได้คิดและจัดทำแผน สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องการจัดระเบียบ การใช้งบประมาณ การปรับเปลี่ยนงบประมาณ หรือเอางบกลางไปเสริมให้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนทำงานอย่างหนักในเรื่องน้ำ แต่ก็ยังไม่พอ ต้องเปรียบเทียบว่า วันนี้ทำมาเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากฝนไม่ตกก็เกิดปัญหา จึงต้องคิดว่ามีวิธีการอย่างอื่นอีกหรือไม่ เปลี่ยนอาชีพปลูกพืชน้ำน้อยได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกับใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำ EIA ประชาพิจารณ์ ทั้งทำในที่ดินของเอกชน ประชาชน ซึ่งมีที่ดินน้อย แต่ถ้าทำในอุทยานหรือพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์อยู่ ก็ไม่สามารถทำได้อีก หรือทำไปก็ไม่ได้น้ำ ซึ่งเรื่องนี้มันไม่ง่ายนัก แต่ก็จะพยายามทำ โดยโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ค้างอยู่ ก็พยายามดำเนิน หลายโครงการติดปัญหาเรื่อง EIA และการประชาพิจารณ์ จึงฝากให้ช่วยเหลือพูดกับประชาชนให้ยินยอม จะได้ไม่มีปัญหาต่อการทำงานหรือร้องเรียนให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้งบประมาณแก้ไขสถานการณ์ระบาดโรคโควิด-19 ว่า งบประมาณ 45,000 ล้านบาทเป็นค่าเลี้ยงดู ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทนพิเศษให้กับบุคลากรด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีข้าราชการ ลูกจ้าง และอาสาสมัคร ซึ่งทุกคนมีระเบียบการใช้จ่าย มีระเบียบการได้รับผลตอบแทน ต้องเคารพความเป็นธรรมและกฎหมายด้วย
สำหรับสถานการณ์หน้ากากอนามัย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีไม่กี่บริษัทที่ผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทย มีเพียง 1-2 บริษัท ที่มีลิขสิทธิ์ทำหน้ากาก N95 จากต่างประเทศ ส่วนหน้ากากอนามัยสีฟ้านั้น วัสดุต้องถูกต้อง และนำมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น เพื่อมาประกอบมาเป็นหน้ากากอนามัย ซึ่งวันนี้ก็พยายามดำเนินการอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะช่วงเวลาคับขันทุกประเทศก็สงวนไว้ใช้เองทั้งหมด แต่ขณะนี้ทุกอย่างคลี่คลายด้วยการบริหารจัดการให้ดีขึ้น ต้องใช้ระยะเวลาและวิธีการดำเนินการ ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลยหรือจะใช้แต่เงินอย่างเดียว
ส่วนที่มีข้อสงสัยว่า คณะกรรมการตรวจสอบ จะเพียงพอหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐสภาหรือองค์กรอื่น ๆ เช่น ป.ป.ช.หรือ ป.ป.ง.ก็สามารถตรวจสอบได้ และก่อนจะเสนอโครงการเข้ามา ก็ต้องผ่านกลไกของพื้นที่หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดเข้ามา และจะต้องตั้งเงินว่าการใช้จ่ายแต่ละประเภทควรเป็นเท่าไร
จากนั้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการเป็นสิ่งที่ทั่วโลกก็ดำเนินการเยียวยาและฟื้นฟูเช่นเดียวกัน ความท้าทายของการเยียวยาคือ ความรวดเร็วที่เงินจะถึงมือประชาชนได้เร็วที่สุด และเงินที่กู้มานั้นจะถึงประชาชนอย่างรอบคอบ ส่วนตัวเชื่อว่า ส.ส.ทุกคนเห็นด้วยในหลักการว่าเงินกู้ก้อนนี้มีความสำคัญที่จะช่วยประเทศไทย แต่อาจจะมีความเห็นที่ต่างกันในรายละเอียด โดยเฉพาะประเด็นเงินเยียวยาที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ ที่ส่วนตัวขอฝากไปยังรัฐบาลว่า ควรมีนโยบายมากระตุ้นให้เงินหมุนเวียนด้วย
นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า เงิน 4 แสนล้านเป็นเงินจำนวนมหาศาล หากใช้ลงทุนถูกจุดจะเกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งที่กังวลคือ การบูรณาการของแต่ละกระทรวงนั้นมีหรือไม่ ส่วนประเด็น Soft Loan ตนยังเป็นห่วงว่าจะเข้าถึงผู้ประกอบการ sme ทุกกิจการหรือไม่ ขอให้ความมั่นใจกับผู้ประกอบการด้วย เพราะเท่าที่ทราบมาคือ สุดท้ายแล้วเงิน Soft loan จะไม่ถึงผู้ประกอบการรายย่อย สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำต่อจากนี้คือ การเก็บภาษีไม่เป็นไปตามเป้าของรัฐบาลแน่นอน สิ่งที่กังวลคือ หนี้สาธารณะจะตกไปอยู่กับลูกหลาน รัฐบาลต้องแสดงออกให้เห็นว่า มีความพร้อมที่จะแก้ปัญหาหนี้ก้อนนี้ด้วย ตนไม่หวังจะเห็นรัฐบาลเก็บภาษีผู้ประกอบการรายย่อย แต่ทำอย่างไรจะเก็บภาษีผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ได้
จากนั้น นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การกู้เงินครั้งนี้ รัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ มีกรอบการดำเนินการที่รัดกุม โดยมี พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ที่กำกับและติดตามการเบิกจ่ายเงินกู้ และกระทรวงการคลังจะรายงานต่อรัฐสภาทุก 60 วัน ยอมรับว่า การดำเนินการเยียวยามีความล่าช้าบ้าง แต่รับฟังข้อชี้แนะและท้วงติงทุกอย่าง พร้อมนำมาปรับปรุง ทั้งนี้ การเยียวยาไม่ใช่ครั้งเดียวเสร็จ แต่ต้องมีการฟื้นฟูต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย
