กรุงเทพฯ 27 พ.ค. – “วิรไท” ยืนยัน พ.ร.ก.ธปท. 2 ฉบับ ไม่ใช่การกู้เงิน เหตุไม่ได้สร้างภาระหนี้การคลัง แต่เป็นการให้อำนาจ ธปท.เข้าไปบริหารจัดการสภาพคล่องได้ตรงจุด
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) โพสต์ในเฟซบุ๊ก “Veerthai Santiprabhob” ว่า ได้ยินหลายท่านอภิปรายในสภาว่ารัฐบาลเสนอ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ รวม 1.9 ล้านล้านบาท ขอเรียนยืนยันอีกครั้งว่า พ.ร.ก.ที่ ธปท.เสนอ “ไม่” ควรเรียกว่าเป็น พ.ร.ก. กู้เงิน เพราะหัวใจของ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ คือ การให้อำนาจ ธปท.เข้าไปบริหารจัดการสภาพคล่องได้ตรงจุด เมื่อครบเวลา 2 ปี เงินที่ ธปท.ปล่อย soft loans ผ่านสถาบันการเงินไปให้ SMEs สถาบันการเงินก็ต้องเอากลับมาคืน ธปท.
ส่วนเงินที่ ธปท.จะลงทุน ผ่านกองทุน BSF เป็นการให้ bridge financing ชั่วคราว เมื่อครบกำหนดก็เอาเงินกลับมาคืน ธปท. (ธปท.ถึงต้องเน้นเรื่องคุณภาพของตราสารที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย)
ทั้งกลไกของ soft loans และกองทุน BSF ไม่ใช่การกู้เงิน 900,000 ล้านบาทมาใช้จ่าย หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ได้สร้างภาระการคลัง 900,000 ล้านบาท หรือไม่ได้สร้างภาระภาษี 900,000 ล้านบาทให้ลูกหลานเหมือนกับที่หลายท่านกังวล
ทั้ง 2 กลไกอาจจะสร้างภาระการคลังในอนาคตได้บ้าง ถ้าสินเชื่อ soft loans ที่ปล่อยให้ SMEs จำนวนมากเกิดกลายเป็นหนี้เสีย หรือตราสารหนี้ที่กองทุน BSF เข้าไปลงทุนไม่ได้รับชำระหนี้คืน ซึ่งตาม พ.ร.ก.แล้วรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายให้เพียงบางส่วนเท่านั้น
ธปท.ตระหนักดีว่าทั้ง 2 กลไกที่ ธปท.เสนอไม่พึงสร้างภาระการคลังให้กับคนไทยในอนาคต จึงต้องมีเงื่อนไขด้านคุณภาพอย่างรัดกุมทั้งการปล่อยสินเชื่อผ่าน soft loans และการลงทุนผ่านกองทุน BSF.-สำนักข่าวไทย