กรุงเทพฯ 27 พ.ค.- พ่อค้าส้มตำ เข้าให้ปากคำซ้ำๆ กรณีถูกตำรวจยัดยาเรียกเงิน 5 หมื่นบาท เหตุตั้งแต่ปี 61 เจ้าตัวงงคดีตั้งนานแล้วยังสอบไม่เสร็จ-คดีไม่คืบหน้า
นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ อายุ 51 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด พ่อค้าส้มตำย่านพระราม 6 พร้อมนายปิยณัฐ สุกยัง ทนายความเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายอำนวยการ 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ฝอ.1 บก.อก.บช.น.) ในกรณีที่ถูกตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ยัดยาเสพติดแล้วเรียกเงินจำนวน 50,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี เหตุเกิดเมื่อเดือน ก.ย.61
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า คดีนี้ ตนแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 6 นาย มานานประมาณ 2 ปีแล้ว แต่ตำรวจยังคงเรียกตนมาสอบปากคำหลายครั้งหลายหนในประเด็นเดิมๆ ซึ่งประเด็นที่สอบก็ให้ปากคำไปแล้วตั้งแต่ต้น คือ เรื่องจำนวนเงิน 50,000 บาท จ่ายให้กับตำรวจนายใด นอกจากนี้ ตนได้ชี้รูปตำรวจทั้ง 6 นายไปแล้ว การเรียกสอบปากคำครั้งนี้ จึงไม่รู้จริงๆว่ามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร จะสอบเพิ่มในประเด็นไหนอีก อยากฝากไปถึงนายตำรวจผู้บังคับบัญชาระดับสูง ขอให้ช่วยดูคดีนี้ด้วย เพื่อให้ความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมา ตนและครอบครัวยังถูกข่มขู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว
ด้าน นายปิยณัฐ กล่าวว่า คดีนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนคดีอาญา ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องการดำเนินการทางวินัยกับตำรวจทั้ง 6 นาย โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกสอบนายศักดิ์ชัยเพิ่ม เป็นการเรียกสอบปากคำประเด็นเดิม ทำให้ตนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการประวิงเวลาเพื่อให้คดีช้าลงหรือไม่ เพราะคดีนี้ผู้เสียหายได้แจ้งความไว้พร้อมให้ปากคำทุกอย่างไปนานแล้ว แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากนายศักดิ์ชัย ถูก พ.ต.ต.บัญชา เจือจาน สว.ธร.สน.บางนา ปฏิบัติราชการ สว.กก.สส.บก.น.1 นำพวกรวม 10 คน เข้าค้นบ้านยัดไอซ์ลูกสาว ส่วนนายศักดิ์ชัยมีหมายจับข้อหากรรโชกทรัพย์ ถูกเรียกเงิน 50,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ต่อมา นายศักดิ์ชัย ได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับพ.ต.ต.บัญชา และพวก ที่สน.พญาไท หลังจากนั้น ทาง บช.น. ได้มีคำสั่งย้าย พ.ต.ต.บัญชา และตำรวจ กก.สส.บก.น.1 รวม 6 นาย ไปช่วยราชการที่ศปก.บก.น.1 โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม รวมทั้ง แจ้งข้อหากรรโชกทรัพย์ และร่วมกันใช้อำนาจหน้าที่ข่มขืนใจให้ได้ทรัพย์สินของผู้อื่น และพานายศักดิ์ชัยไปชี้จุดที่ตำรวจกล่าวหาพาลูกสาวหนี และจุดให้ลูกชายเอาเงินมาให้ตำรวจ ที่กก.สส.บก.น.1 และจุดที่ตำรวจเอาเงินไปคืนที่สน.พญาไท รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท . ดำเนินคดี.
-สำนักข่าวไทย
