เร่งล่ามือฆ่าม่ายสาว-ญาติดับ 2 ศพ หมกสวนลำไยเชียงใหม่

ภูมิภาค 26 พ.ค. – คดีม่ายสาวฐานะดีและญาติถูกฆาตกรรม 2 ศพ ตำรวจเก็บหลักฐานสำคัญเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ระดมกำลังไล่ล่าตัวมาดำเนินคดี ส่วนปมสังหารชัดเจนว่ามาจากเรื่องชู้สาว


เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบ้านพักในหมู่ 6 บ้านท่าข้าม ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.กมลทิพย์ สบกระสิบ อายุ 41 ปี ม่ายสาวฐานะดี ที่ถูกคนร้ายบุกมายิงเสียชีวิตพร้อมกับนายเจริญ มะณี อายุ 51 ปี เครือญาติ และห่อศพด้วยถุงดำและลากไปทิ้งที่สวนลำไยหลังบ้าน สภาพศพเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 วัน


ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนปืนตกอยู่บริเวณแปลงปลูกไม้ประดับที่ระเบียงหน้าบ้าน และบริเวณประตูบ้านมีรอยกระสุนปืนถาก อีกทั้งยังพบเศษกระดูกของนายเจริญ รวมทั้งกระจกหน้าต่างในบ้านมีรอยเลือดกระเด็นติด จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับ

เจ้าหน้าที่ได้หลักฐานสำคัญจากบ้านผู้ต้องสงสัยใน ต.แม่หอพระ ทั้งโทรศัพท์มือถือและกระดาษเขียนข้อความว่า “เจ็บใจมามากละกับผู้หญิงคนนี้ สอนลูกหลานว่าอย่าเล่นกับความรัก ส่วนเงินสดถอนออกมาหมดแล้ว 37,500 บาท และขอแบ่งทรัพย์สินให้กับลูก” 


นอกจากนี้ยังมีข้อความระบุไว้ว่า “ถ้าผมไม่ตาย ผมคงโดนอุ้มไปตายที่อื่น และหากตายให้เอาศพไว้ 1- 2 วันพอ” ลงชื่อ “นายไข่” หลักฐานดังกล่าวถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ขมวดปมสังหารได้ว่ามาจากเรื่องชู้สาว ขณะนี้ชุดสืบสวนได้เร่งตามหารถเก๋ง BMW สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งนายไข่ใช้ขับหลบหนี เบื้องต้นพบว่าเป็นรถของบริษัทที่นายไข่ทำงาน พร้อมสนธิกำลังปูพรมไล่ล่าผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ

ผู้ต้องสงสัยติดพันผู้ตาย 1 ปี ออกอุบายลวงฆ่า 2 ศพ

ข้อมูลจากการประชุมชุดสืบสวนฯ ซึ่งได้เชิญญาติของผู้ตายมาให้ปากคำ พบว่า น.ส.กมลทิพย์ ได้เลิกรากับสามีได้ประมาณ 20 ปี อยู่บ้านเพียงลำพัง ส่วนนายไข่ อายุ 43 ปี มาติดพันผู้ตายมานานเกือบ 1 ปี ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 พฤษภาคม “นายไข่” นำผลไม้มาให้แม่ผู้ตายเพื่อแก้บน  แต่ขณะนั้นผู้ตายไม่ยอมพูดด้วย ทำให้ “นายไข่” กลับไป และย้อนกลับมาใหม่อีกในช่วงเย็น อ้างว่าจะมาตัดหญ้าให้ แต่ผู้ตายไม่ยอม จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. ผู้ตายกับ “นายไข่” มีปากเสียงกันเล็กน้อย  แม่ของผู้ตายได้ยินแต่ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย จึงเดินกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร ทำให้ไม่แน่ชัดว่ามีการลงมือฆาตกรรมเมื่อใด

เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม แม่ผู้ตายได้ไปหาที่บ้าน แต่บ้านถูกปิดเงียบ จึงคิดว่าออกไปข้างนอก และเมื่อวานนี้ (25 พ.ค.) ลูกชายของผู้ตายมาหาที่บ้านเพราะติดต่อไม่ได้ จึงระดมกำลังกันตามหาและพบว่าเสียชีวิตที่สวนหลังบ้าน

สำหรับนายเจริญ ผู้เสียชีวิตอีกราย เป็นเครือญาติของ น.ส.กมลทิพย์ และมักมาช่วยทำงานที่บ้าน จึงอาจทำให้คนร้ายเข้าใจผิดและหึงหวง ก่อนออกอุบายลวงมาฆ่าอีกศพ ด้วยการไลน์เรียกให้มาหาที่บ้าน ก่อนยิงทั้งคู่เสียชีวิต 

ลุงของ น.ส.กมลทิพย์ ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายเป็นคนดีและหน้าตาดี แต่เลิกกับสามีได้ประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมามักจะช่วยเหลืองานหมู่บ้านมาโดยตลอด ยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่เคยเกิดเหตุในหมู่บ้าน แต่ที่ผ่านมาไม่เคยพบเห็นหรือรู้จัก “นายไข่”  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

เตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับคนร้ายฆ่าเศรษฐินีและชายวัย 50 ปี

มือฆ่าเผา 2 ศพรับสารภาพ จ่อรื้อคดียัดท่อสายตำรวจ

ส่วนความคืบหน้าที่ จ.สงขลา ในคดีคนร้ายทั้งยิงทั้งทุบตีชาย 2 คนจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปเผาที่ข้างบ่อขยะเทศบาลนครหาดใหญ่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ ล่าสุดศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับนายวิรัตน์ แก้วทองพันธ์ อายุ 36 ปี หรือ “แวว” ในฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ, อาวุธปืนและเครื่องกระสุน และลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ นายวิรัตน์ ถูกคุมตัวอยู่ที่ สภ.หาดใหญ่ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ในฐานะผู้ต้องสงสัยและถูกสอบปากคำอย่างเข้มข้น กระทั่งรับสารภาพว่าก่อเหตุเพียงลำพังจากจำนวนผู้ต้องสงสัยในคดี 3 คน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เตรียมรื้อคดีเก่าที่นายวิรัตน์เคยตกเป็นผู้ต้องหาอุ้มฆ่ายัดท่อนายภีรนัฐ ชุมทอง อายุ 22 ปี สายลับของตำรวจปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ เมื่อปี 2560 แต่สู้คดีจนหลุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากเรื่องยาเสพติดเช่นกัน เพื่อตรวจสอบดูว่ามีข้อบกพร่องจุดใดทำให้หลุด และกลับมาก่อเหตุซ้ำ

เร่งหาหลักฐานรถกระบะที่คาดว่าจะใช้ขนศพไปทิ้ง

ด้านเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 เข้าตรวจสอบเก็บรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีดำ ทะเบียน ขว 900 สงขลา ซึ่งเป็นรถกระบะของนายวิรัตน์ และคาดว่าเป็นรถที่ใช้ขนศพทั้งสองออกจากบ้านพักไปเผาอำพรางคดี พบกระบะท้ายรวมถึงห้องโดยสารเต็มไปด้วยดินโคลนที่คล้ายกับจุดพบศพ

นอกจากนี้ยังตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือแฝงที่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีม่วง ทะเบียน กลต 347 ปัตตานี ที่จอดอยู่ในคอกวัวข้างบ้านนายวิรัตน์ เป็นรถของ “นายบ่าว” ผู้ต้องสงสัยอีกคนที่ตำรวจนำตัวมาสอบสวน แต่ยังให้การปฏิเสธ. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ