เปิดไทม์ไลน์พฤติกรรมคดี “แม่ปุ๊ก” วางยาลูกหวังเงินบริจาค

กทม. 24 พ.ค. – สำนักข่าวไทยลำดับเหตุการณ์ในคดี “แม่ปุ๊ก” วางยาลูกหวังเงินบริจาค ซึ่งตำรวจกองปราบปรามแถลงว่า “น้องอมยิ้ม” และ “น้องอิ่มบุญ” ไม่ได้ป่วยเป็นโรคประหลาด “เรนินโนม่าห์” และไม่ได้เกิดขึ้นจากพันธุกรรม รวมถึงตำรวจได้หลักฐานเป็นสารเคมีต้องสงสัยที่กำลังพิสูจน์ทราบ เช่นเดียวกับยอดเงินบริจาคไม่ได้สอดคล้องกับค่ารักษาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้จากข้อมูลทั้งหมดพบว่าเรื่องเกิดขึ้นมาจากผู้หญิง 2 คนที่รู้จักกันผ่านทางโซเชียล โดยคนหนึ่งไม่ต้องการเลี้ยงลูกแท้ๆ จึงได้ยกลูกให้คนอื่นไปเลี้ยง แต่เมื่อนำมาเลี้ยงแล้วกลับกลายเป็นว่าเสียชีวิตลง


ตำรวจกองปราบฯ แถลงยืนยันว่า “น้องอมยิ้ม” และ “น้องอิ่มบุญ” ไม่ได้เป็นโรคทางพันธุกรรมใดๆ ตามที่ “แม่ปุ๊ก” นำมาอ้างเพื่อขอรับบริจาคความช่วยเหลือจนได้เงินไป 20 ล้าน จากการตรวจสอบบัญชีทางการเงินไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล


จากการรวบรวมหลักฐานต่างๆ พบข้อมูลทางการแพทย์ ยืนยันว่าโรคประหลาดที่ “แม่ปุ๊ก” อ้างว่าลูกทั้งสองคนป่วยนั้นไม่เป็นความจริง เด็กไม่ได้ป่วยจากโรคพันธุกรรมตามที่ถูกกล่าวอ้าง อีกทั้งการเจ็บป่วยของเด็กซึ่งมีร่องรอยแผลไหม้ที่ปาก ชัดเจนว่าเป็นการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทาน และในวันจับกุมผู้ต้องหา ได้ตรวจค้นบ้านที่ย่านดอนเมือง กระทั่งพบสารเคมีเป็นของเหลวต้องสงสัยบางอย่าง และกำลังตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นสารออกฤทธิ์ตรงกับที่แพทย์ให้ข้อมูลหรือไม่ และหากมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่ามีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องอาจต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนข้อมูลที่ผู้ต้องหาเคยเรียนเภสัชศาสตร์จะเกี่ยวกับการนำสารเคมีมาใช้หรือไม่นั้น ถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญในการสืบสวน พร้อมยืนยันว่ายอดเงินบริจาคไม่ได้สอดคล้องกับยอดค่ารักษาเด็ก แต่ต้องตรวจสอบว่ามีการใช้สิทธิ์เบิกประกันอย่างไรหรือไม่


พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม กล่าวว่า กรณีแม่ของ “น้องอมยิ้ม” ยกลูกให้ “แม่ปุ๊ก” รับไปดูแลเพราะเจ้าตัวไม่พร้อมมีบุตร อีกทั้งพบว่ารู้จักกันผ่านโซเชียล เท่านั้น “แม่ปุ๊ก” อ้างว่าจบเภสัชศาสตร์จึงเชื่อว่าเด็กจะมีอนาคตที่ดีกว่า จึงฝากแจ้งเตือนกลุ่มแม่วัยใสที่มีบุตรไม่พร้อม อย่ายกลูกให้กับคนอื่นไปเลี้ยง เพราะอาจกลายเป็นปัญหาสังคมที่ซับซ้อน และย้ำว่าหน่วยงานรัฐพร้อมช่วยเหลืออยู่แล้ว

คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนเมษายน 2558 หลัง “แม่ปุ๊ก” รับ “ด.ญ.อมยิ้ม” มาดูแลจากแม่ที่แท้จริงชื่อ “น.ส.เอม” ที่รู้จักผ่านสังคมออนไลน์ และ “น.ส.เอม” ยกลูกให้ดูแลเพราะไม่พร้อม ประกอบกับอีกฝ่ายอ้างว่าจบเภสัชกร จึงเชื่อว่าจะมีอนาคตที่ดี

ต่อมาในเดือนกันยายน 2560 “แม่ปุ๊ก” ได้แจ้งเกิด “ด.ช.อิ่มบุญ” ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งว่า “ด.ช.อิ่มบุญ” คลอดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 แต่ไม่แจ้งชื่อพ่อเด็ก จากนั้นระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2560 – กันยายน 2561 “แม่ปุ๊ก” เลี้ยงดูทั้งสองคน และโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเด็กทั้งสองเป็นลูกที่แท้จริง และเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว 

ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2561  “แม่ปุ๊ก” หลอกให้ “น.ส.เอม” ซึ่งเป็นแม่ที่แท้จริงของ “ด.ญ.อมยิ้ม” เปิดบัญชีธนาคารและส่งสมุดบัญชี บัตร ATM พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาให้ โดยอ้างว่าจะนำไปทำประกันสุขภาพให้กับ “ด.ญ.อมยิ้ม” แต่บัญชีดังกล่าวถูกนำไปรับบริจาค  อีกทั้งมีข้อมูลว่านำข้อมูลต่างๆ ไปเปิดบัญชีเพิ่มเติมอีก 2 บัญชี รวมเป็น 3 บัญชี

จากนั้นเดือนพฤศจิกายน 2561 “แม่ปุ๊ก” โพสต์อ้างว่า “ด.ญ.อมยิ้ม” ป่วยด้วยโรคหายาก พร้อมเปิดรับบริจาค-ขายสินค้าผ่านบัญชี “น.ส.เอม” อีกทั้งพบว่า “แม่ปุ๊ก” แสดงตนให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็น “น.ส.เอม” ผ่านชื่อและนามสกุลจริง จนมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก จนกระทั่งในสิงหาคม 2562 “ด.ญ.อมยิ้ม” เสียชีวิตลง

ผ่านไปถึงเดือนมกราคม 2563 “แม่ปุ๊ก” โพสต์อ้างอีกว่า “ด.ช.อิ่มบุญ” ลูกชายคนเล็กป่วย อาเจียนเป็นเลือด ต้องเข้า รพ. ทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินบริจาค รวมถึงสั่งซื้อสินค้าเพื่อช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลอีกทางหนึ่ง แต่ทว่าผู้เสียหายจำนวนมากไม่ได้รับสินค้า ก่อนเข้าแจ้งความเอาผิด “แม่ปุ๊ก” โดยใช้ชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารไปแจ้งความ ซึ่งก็คือชื่อของ “น.ส.เอม” กระทั่ง “น.ส.เอม” ถูกหมายเรียกจากตำรวจและชี้แจงว่าบัญชีดังกล่าวถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และหลังจากนั้นเป็นต้นมาตำรวจกองปราบได้ขยายผลจนพบว่า “แม่ปุ๊ก” มีพฤติกรรมตามที่ปรากฏ ก่อนขอศาลอนุมัติหมายจับและเข้าจับกุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี

สำหรับ 5 ข้อกล่าวหาที่ถูกดำเนินคดียังเป็นข้อหาเดิม ไม่ได้มีการแจ้งเพิ่ม ประกอบด้วย รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และฉ้อโกงประชาชน

แม่แท้ๆ ของ “ด.ญ.อมยิ้ม” ล่องหน หลังตกเป็นข่าวดัง

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่ไปบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 10 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นบ้านของ “น.ส.เอม” แม่แท้ๆ ของ “ด.ญ.อมยิ้ม” เบื้องต้นพบว่าพักอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่ม 2 คน เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น และมีรถจักรยานยนต์จอดอยู่ 3 คัน แต่ไม่พบผู้พักอาศัย ทราบจากเพื่อนบ้านว่าตั้งแต่มีข่าวปรากฏว่า “น.ส.เอม” เป็นแม่แท้ๆ ของ “ด.ญ.อมยิ้ม” ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ประกอบกับเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (23 พ.ค.)  มีนักข่าวจากสำนักหนึ่งเข้าไปขอสัมภาษณ์ จึงทำให้ “น.ส.เอม” และแฟนหนุ่มรีบปิดล็อกบ้าน ขับรถเก๋งออกจากบ้านและยังไม่กลับมาอีกเลย

จากการสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า ทั้งคู่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนในตลาดปากน้ำโพ แต่ทั้งคู่ไม่ค่อยสุงสิงกับคนในหมู่บ้านมากนัก เพราะทั้งคู่ต่างทำงานจนมืดค่ำ และส่วนใหญ่มักจะอยู่แต่ในบ้าน อย่างไรก็ตาม เคยเห็น “น.ส.เอม” ตั้งครรภ์มานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นเด็ก จึงสงสัยว่าลูกของ “น.ส.เอม” ไปไหน แต่ในใจคิดแต่ว่าญาติพี่น้องน่าจะช่วยเลี้ยงมากกว่า. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]