จับตา 5 ไฮไลท์สำคัญ ใน 10 ขั้นตอน แผนฟื้นฟูฯ การบินไทย

กรุงเทพฯ 20 พ.ค.-จับตา 5 ประเด็นสำคัญ ชี้วัดผลสำเร็จแผนฟื้นฟูการบินไทย ฉบับเทียบเคียงแผนฟื้นฟูเจแปนแอร์ไลน์ ได้ผู้บริหารแผนดี การเจรจาเจ้าหนี้ต่างชาติ สังคมต้องให้โอกาสเมื่อต้องใส่สภาพคล่อง โมเดลธุรกิจหลังการฟื้นฟูมีการตลาดนำ และการจัดการงานขายและต้นทุนเหมาะสม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากคณะรัฐมนตรีผ่านความเห็นชอบให้ บมจ.การบินไทย ดำเนินการฟื้นฟูกิจการ ผ่าน พ.ร.บ.ล้มละลาย เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากนั้นนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแนวทาง 10 ขั้นตอน ที่จะดำเนินการฟื้นฟูกิจการการบินไทยอีกครั้งและในสัปดาห์หน้าเตรียมที่จะเสนอ 15 รายชื่อ ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับหน้าที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา 

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานได้เปิดเผยข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการบินต่อแนวทางการฟื้นฟูกิจการของการบินไทยตามที่กระทรวงคมนาคมระบุว่า จะใช้แนวทางในการฟื้นฟูกิจการของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ (JAL) ที่ดำเนินการฟื้นฟูกิจการปี 2553 เป็นต้นแบบ เนื่องจากJAL ใช้ระยะเวลาเพียง 14 เดือนก็สามารถออกจากการฟื้นฟูได้ และเป็นสายการบินที่กลับมาทำกำไรอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยข้อมูลกับสำนักข่าวไทยว่า หากจะใช้ JAL เป็นต้นแบบฟื้นฟูการบินไทย  ก็จะมีประเด็นสำคัญ 5 ข้อ ที่เป็นไฮไลท์สำคัญบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการดำเนินการฟูื้นฟู


ประเด็นแรก การฟื้นฟูการบินไทยนั้น จำเป็นต้องได้ผู้บริหารแผนที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่นักการเงิน หรือนักจัดการหลักทรัพย์เท่านั้น  แต่หมายรวมถึงการต้องมีผู้เชี่ยวชาญธุรกิจการบินเข้ามาอยู่ในผู้บริหารแผนฟื้นฟูด้วย เนื่องจากในอนาคตเมื่อสถานการณ์การระบาดโควิด-19 คลี่คลาย แม้จะอยู่ในช่วงของการฟื้นฟูกิจการ แต่การบินไทยต้องกลับมาทำการบิน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจ เพื่อกำหนดความเหมาะสมของการกำหนดเส้นทางบิน จำนวนฝูงบิน และการขาย ตามสภาพที่สามารถดำเนินการได้ในกรอบของแผนฟื้นฟูด้วย

ประเด็นที่ 2 เป็นเรื่องของการเจรจากับเจ้าหนี้  โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหนี้ต่างชาติ หลังจากนายศักดิ์สยาม ระบุว่ามูลหนี้ประมาณ 147,000 ล้านบาท สิ้นปี 2562 การบินไทยมีสัดส่วนประมาณ 35 % ไม่รวมสัดส่วนของสถาบันการเงินต่างชาติอีก 10% ที่ถือเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติ หรือหมายถึงปัจจุบันการบินไทยมีเจ้าหนี้ต่างชาติ รวม 45% 

โดยประเด็นสำคัญของการเจรจานั้น ต้องพิจารณารายละเอียดว่าเจ้าหนี้ต่างชาติเหล่านี้เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ หุ้นกู้ หรือเจ้าหนี้การค้า ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันหรือไม่ หากกระทรวงการคลังค้ำประกันเจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะขอให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ค้ำประกันเข้ามารับภาระ โดยไม่รับเงื่อนไขการเจรจาขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ หรือผ่อนผันนอกเหนือจากสัญญาเดิม  และหากกระทรวงการคลังต้องเข้าไปรับภาระตรงนี้จริง ๆ ก็จะกลายเป็นภาระต่องบประมาณ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นข้อพิพาทที่อาจจะมีการฟ้องร้องได้ในศาลต่างประเทศ


ประเด็นที่ 3 เป็นเรื่องของการใส่สภาพคล่องเข้าไปเพิ่มเติมแก่การบินไทย  ทั้งนี้ หากมีการเทียบเคียงแนวปฏิบัติกับสายการบิน JAL  ซึ่งขณะนั้นแม้จะมีคนญี่ปุ่นแสดงความไม่เห็นด้วยไม่น้อยกับการเติมสภาพคล่องเข้าไปใน JAL แต่สุดท้ายรัฐบาลญี่ปุ่นขณะนั้น  ก็มีการใส่สภาพคล่องให้ JAL กว่า 690,000 ล้านบาท เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับ JAL ก่อนเข้าแผนฟื้นฟู พบว่า JAL มีภาระหนี้สูงกว่า 800,000 ล้านบาท  ซึ่งสุดท้ายประชาชนชาวญี่ปุ่นขณะนั้นก็ยอมรับเป็นข้อยุติในสังคมที่จะให้โอกาส JAL ดำเนินการฟื้นฟู  เช่นเดียวกับปัจจุบันที่สังคมไทยต้องให้โอกาสการบินไทยในกานฟื้นฟูเพื่อก้าวเดินต่อ และจำเป็นต้องใส่สภาพคล่องเข้าไป จะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นกับผู้บริหารแผนฯ คงจะต้องพิจารณาวงเงินที่เหมาะสม ซึ่งก็อาจมีกระแสทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเกิดขึ้นในสังคม

ประเด็นที่ 4 เป็นเรื่องของโมเดลธุรกิจ หลังการฟื้นฟูกิจการเมื่อเทียบเคียงกับ JAL หลังดำเนินการฟื้นฟูและสามารถกลับมาทำกำไรนั้น  ได้มีการปรับโมเดลทางด้านการตลาดที่ชัดเจน  โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปหาลูกค้าที่เป็นคนละกลุ่มกับสายการบิน Low cost Airline หรือสายการบินต้นทุนต่ำ โดยนำเสนอข้อมูลการตลาดให้ลูกค้าเห็นชัดเจนถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้ในการเลือกใช้บริการสายการบิน แบบ full service ประโยชน์ของการอัพเกรดการเดินทาง จนถึงการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ 

รวมถึงกำหนดยุทธศาสตร์ด้านงานขายที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ตามเป้าหมายการตลาด  การขยายสัดส่วนการขายผ่านระบบออนไลน์ให้มากที่สุด เพื่อหลีกหนีจากระบบการขายตั๋วผ่านเอเจนฯ ทำให้การบินไทยมีปัญหาด้านการแข่งขันการขายนำไปสู่ภาวะการขาดทุนในอดีต

และสุดท้ายคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะในองค์กรการบินไทยเอง หากเทียบเคียงกับ JAL ซึ่งขณะนั้นมีการปรับลดพนักงานลงจาก 38,000 คน เหลือ 20,000 คน ขณะที่การบินไทยปัจจุบันมีพนักงานกว่า 21,000 คน และชัดเจนว่าในอนาคตมีความจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงเช่นเดียวกัน  เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้  ซึ่งความร่วมมือในการปรับโครงสร้างองค์กรนี้ พนักงานก็ต้องมีความเข้าใจ  รวมถึงในอนาคตการปรับวัฒนธรรมขององค์กรให้พนักงานที่ทำงานในบริษัทคำนึงถึงการดูแลต้นทุนให้แก่องค์กรไม่มีค่าใช้จ่าย สิทธิ์-สวัสดิการที่ฟุ้งเฟ้อไม่เหมาะสม ขณะที่ผู้บริหารก็ต้องยอมเสียสละให้ตนเองมีรายได้เหมาะสม โดยช่วงฟื้นฟูกิจการของ JAL นั้น CEO ปรับลดเงินเดือนของตนเองลงเหลือเพียงเดือนละไม่เกิน 30,000 บาทเท่านั้น 

ทั้งนี้ การดำเนินการฟื้นฟูกิจการของ JAL ใช้เวลา 14 เดือน และปี 2555 JAL กลับมามีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 200,000 ล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปีนั้น  ขณะที่สถานการณ์โควิด -19 ปัจจุบัน ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 JAL ประสบปัญหาเช่นเดียวกับสายการบินอื่นทั่วโลก ขาดทุนประมาณ 20,000 ล้านบาท หลังจากมีกำไรกว่า 36,000 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยแหล่งข่าวระบุว่าสำหรับการฟื้นฟูธุรกิจของการบินไทยท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 จะไม่ใช่เรื่องง่าย  และจะสามารถประสบผลสำเร็จหรือไม่ ต้องอยู่ในแผนฟื้นฟูฯ นานแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้ง 5 ข้อนี้เป็นหลัก .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย