รัฐสภา 19 พ.ค.-“ชวน” หารือ 2 รองประธานสภาฯ เตรียมพร้อมประชุมสภานัดแรก 27 พ.ค. นั่งเว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาอนามัย ประสาน 3 โรงพยาบาล ช่วยคัดกรองใครมีไข้ส่งตัวไปทันที
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หารือกับนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเริ่มประชุมในวันที่ 27 พฤษภาคมและใช้ห้องประชุมพระสุริยันเป็นครั้งแรก โดยนายชวน เปิดเผยว่า เป็นการหารือเพื่อให้พร้อมก่อนการประชุมในวันที่ 27 พฤษภาคมและดูห้องประชุมจริง หากมีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทัน
“เบื้องต้นทุกอย่างมีความพร้อม สามารถนั่งเว้นระยะห่างได้ตามมาตรการ สาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 แต่ในช่วงการลงคะแนนจะต้องใช้เครื่องลงคะแนนด้านล่างในที่นั่งของตัวเอง ดังนั้น ก่อนลงมติจะเผื่อเวลาให้สมาชิกที่นั่งอยู่ด้านบนและรออยู่ด้านนอกระหว่างการอภิปราย ทุกคนที่เข้ามาสภาจะต้องสวมหน้ากากอนามัย จะยกเว้นให้ถิดออกได้เฉพาะเวลาอภิปราย เพื่อป้องกันเสียงสะท้อน การประชุมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. ส่วนเวลาเลิก จะขยายเวลาจากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะเลิก 19.00 น.เป็น 20.00 น. เนื่องจากรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการและขยายเวลาเคอร์ฟิวส์เป็น 23.00 น.” ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
ส่วนที่ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปรายพระราชกำหนดการกู้เงิน 10 วัน นายชวนกล่าวว่า เรื่องเวลาไม่มีปัญหา เพราะสภามีหน้าที่สนองความต้องการของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ดังนั้น จะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างเต็มที่ในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะสมัยประชุมนี้มี 120 วัน หากเวลาในวันประชุมตามปกติไม่พอ ก็พร้อมนัดประชุมพิเศษในวันศุกร์ ให้ด้วย นับจากนี้ไปสภาผู้แทนราษฎรจะต้องทำงานหนัก เนื่องจากมีเรื่องสำคัญเข้ามามาก ขณะนี้นอกจากพระราชกำหนดเงินกู้ แล้วยังมีพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เข้ามารอการพิจารณาแล้ว ส่วนจะพิจารณา 3 วาระรวดหรือไม่ เป็นเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรจะตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการหารือนายชวนพร้อมด้วยรองประธานทั้งสองคนและนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้เดินดูห้องประชุมพระสุริยันเพื่อตรวจความพร้อมอีกครั้ง ทั้งนี้ มีรายงานว่ารัฐสภาได้ประสานทีมแพทย์จากโรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลบําราศนราดูรมาคัดกรองสมาชิกและข้าราชการรัฐสภา หากพบใครมีไข้จะนำส่งโรงพยาบาลทันที.-สำนักข่าวไทย