อย. 15 พ.ค.-อย.-บช.ปส.เปิดผลงาน “ปฏิบัติการสยบไพรี 63/10” กวาดล้างขบวนการลักลอบขาย โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์ 50 จุดทั่วประเทศ เผยล่อซื้อเพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงไปยังผู้กระทำความผิดตั้งแต่เดือน มิ.ย.62 จนถึงปัจจุบัน รวมมูลค่าของกลางที่ อย. ร่วมเข้าตรวจกว่า 30 ล้านบาท
วันนี้ (15 พ.ค.) เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (รองเลขาธิการ อย.) ร่วมกับ พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นำโดย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเปิดผลงานปฏิบัติการสยบไพรี 63/10 ตรวจค้น 50 จุดทั่วประเทศ กวาดล้างขบวนการลักลอบขาย โฆษณายาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทางสื่อออนไลน์ ทั้งไลน์ อินสตาแกรม เฟสบุ๊ค ขานรับนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการปราบปรามยาเสพติดและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
โดย อย.ร่วมลงพื้นที่เข้าตรวจค้นแหล่งเก็บยาและสถานที่จัดส่งสินค้าแหล่งใหญ่4 จุด ย่านจรัญสนิทวงศ์ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและพบของกลางเป็นจำนวนมาก อาทิ
1.ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ได้แก่ โคคาอีน (Cocaine) 9 กรัม
2.ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ได้แก่ กัญชาแห้ง 3 กิโลกรัม กัญชาไฟฟ้าพร้อมสูบ 900 หลอด น้ำมันกัญชาแคปซูล 100 แคปซูล ใบกระท่อมสด 1 กิโลกรัม และเยลลี่กัญชา CBD 86 ซอง
3.วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ได้แก่ โคลนาซีแพม (Clonazepam) 30,000 เม็ด
4.ยาแผนปัจจุบัน ได้แก่ ทรามาดอล (Tramadol) 1,000,000 เม็ด และยาน้ำแก้ไอ 4,000 ขวด
5.ผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เยลลี่ไม่มีฉลาก 3 ถุง และบราวนี่ 500 กรัม
6.โรงเรือนปลูกกัญชาภายในอาคาร 1 ชุด
รวมมูลค่าของกลางกว่า 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บช. บส. ติดตามผู้กระทำผิดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ถึงปัจจุบัน จนพบกลุ่มไลน์ที่มีการลักลอบซื้อขายยาเสพติดให้โทษ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งในแต่ละกลุ่มมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 300 คน และยังพบความเชื่อมโยงกับร้านขายยา “ร้านยาหวานขม” ซึ่งผู้รับอนุญาตขายยาแผนปัจจุบันในร้านดังกล่าวต่อมาทราบชื่อคือ นายเกาะเพชร จุฬารักษ์ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลกลุ่มและขายโดยใช้ชื่อ RANYAWANKHOM (ร้านยาหวานขม)
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มไลน์นี้มีพฤติการณ์ลักลอบซื้อขายยาเสพติดทางสังคมออนไลน์ โดยส่งมอบยาเสพติดผ่านทางไปรษณีย์หรือระบบโลจิสติกส์ และโอนเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ยากต่อการเฝ้าระวัง ติดตามและขยายผลจับกุม ที่ผ่านมาเคยล่อซื้อได้ยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และยาแผนปัจจุบัน จนเจ้าหน้าที่สามารถสืบหาข้อมูลและหลักฐานการกระทำความผิดแน่ชัดนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้
ทั้งนี้ การกระทำความผิดดังกล่าวมีความผิดตาม พรบ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 พรบ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 พรบ. ยา พ.ศ. 2510 และ พรบ. อาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และปรับสูงสุดถึง 1 ล้านบาท
“ขอย้ำเตือนประชาชนอย่าร่วมมือกับผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 ฉวยโอกาสลักลอบซื้อขายยาเสพติดทางออนไลน์ เพราะนอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกับผู้ขายแล้ว ยังอาจได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน หากบริโภคเกินขนาดหรือมีโรคประจำตัวแทรกซ้อนอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ สำหรับเภสัชกรที่เป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการในร้านขายยา หากพบว่า มีการเปิดร้านขายยาบังหน้าเพื่อสั่งวัตถุเสพติดให้ผู้กระทำความผิดลักลอบนำยาไปขายออกนอกระบบหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และ อย. จะส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรมพิจารณาจริยธรรมต่อไป” รองเลขาธิการ อย.กล่าว .-สำนักข่าวไทย