สธ. 9 พ.ค.-กรมควบคุมโรค ย้ำหากมีผ่อนปรนกิจรรมและกิจกรรม ยังต้องคงมาตรการState Quarantine และ Local Quarantine ไว้ เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญในการค้นหาผู้ป่วย และป้องกันการเคลื่อนย้ายของประชาชน หลังพบผู้ป่วยจากสถานที่กักตัวรวม 87คน พร้อมชี้การป้องกัน ประชาชนเดินทางยากแก่การตามตัวโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง เช่น ภูเก็ต 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นอำนาจของผู้ว่าฯจังหวัดในการกักตัวคนเดินทาง
นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข ว่า การดำเนินการใน กทม.มีการตรวจในชุมชน ทั้งเขตคลองเตย บางเขน ซึ่งเป็นพื้นที่แออัดและเปราะบาง ไม่พบผู้ป่วยเตรียมลงพื้นที่ตรวจลงไปในแคมป์คนงานก่อสร้างเพิ่ม ส่วนการค้นหาผู้ป่วยในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ตามคลินิก ก็ไม่พบป่วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ยังคงยืนยันว่าหากมีการผ่อนปรนมาตรการ เพื่อเปิดบริการ กิจกรรม และธุรกิจ สิ่งที่ยังต้องคงไว้ต่อเนื่องจาก สถานกักตัวที่รัฐจัดหา State Quarantine และ Local Quarantine เพื่อใช้ในการดูแลผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือ ผู้ที่เดินทางเดินทางข้ามมาจากพื้นที่เสี่ยง ทั้งภูเก็ต และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ขึ้นอยู่กับอำนาจและการพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมโรคระหว่างจังหวัด หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจำเป็นต้องเฝ้าระวังไว้
นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีควบคุมโรค กล่าวว่าตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ที่พบจำนานไม่มากเกิดขึ้นได้ เพราะร่วมแรงร่วมใจของประชาชน แต่การสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือ ยังจำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน กลับบ้าน ต้องอาบน้ำสระผม การคงมาตรการควบคุมโรคตามสถานที่กักตัวของรัฐและระดับท้องถิ่นไว้ ก็เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายประชากร หากละเลยไม่ทำอย่างเข้มข้น ท้ายที่สุดปัญหาของโรคโควิด-19 จะวนกลับมาซ้ำรอยใหม่ เหมือนกับพบผู้ป่วยในช่วงเริ่มต้นเดือนมกราคม
ปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่เข้าไปยัง State Quarantine ทั้ง 23 แห่ง จำนวน 4,071 คน พบผู้ติดเชื้อ 21 คน และ Local Quarantine จำนวน 5,533 คน พบผู้ป่วย 66 คน รวมมาตรการควบคุมโรค ในการกักตัวผู้เดินทาง สามารถพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 ได้ถึง 87 คน .-สำนักข่าวไทย