กรุงเทพฯ 8 พ.ค. – ม.หอการค้าไทยเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย.ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 22 ปี หวังโควิด-19 ระบาดหนักทั่วโลกและหลายประเทศรวมทั้งไทยใช้มาตรการล็อกดาวน์ คาดปลดล็อกธุรกิจ 17 พ.ค.นี้ จะหยุดการทรุดตัวของเศรษฐกิจได้
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษยน 2563 พบว่าปรับตัวลดลงทุกรายการ โดยส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ทำการสำรวจในรอบ 21 ปี 7 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2541 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติโควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักทั่วโลก ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยชะลอตัวอย่างมากในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนผู้บริโภคห่วงใยเกี่ยวกับภาวะว่างงานสูง
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค โดยเศรษฐกิจจะติดลบ 3 ไตรมาสติดต่อกัน และจะเริ่มเป็นบวกไตรมาส 4 ประมาณบวก 1-2% จากการรีสตาร์ทของภาคธุรกิจและ มาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ 400,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มเห็นเม็ดเงินในระบบชัดเจนในช่วงต้นเดือนสิงหาคม และจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2563 ติดลบน้อยลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะติดลบ 8.8% เป็นติดลบ 3.5-5.5%
ทั้งนี้ จากช่วงภาวะปกติจะมีเม็ดเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบประมาณ 600,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่เมื่อล็อกดาวน์เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบหายไปประมาณ 50% หากมีการปลดล็อกภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ จะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นเกือบ 200,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้เศรษฐกิจไทยหยุดทรุดตัว หรือฟื้นจากจุดต่ำสุด โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นจนเห็นได้ชัดประมาณไตรมาส 2 ปี 2564 .- สำนักข่าวไทย