ชลบุรี 7 พ.ค.-แจ้งความจับสาวขี่ จยย. ลากเชือกผูกขาแมวเปอร์เซียไปไกลกว่า 700 ม. แมวเจ็บสาหัส กู้ภัยพาส่งโรงพยาบาลสัตว์ ด้านเจ้าตัวอ้างไม่รู้ ไม่ได้ยินเสียงกู้ภัยตะโกนบอก
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 พ.ค.63 น.ส.ศรัญญา ปุรินทราภิบาล ตัวแทนชมรมคนรักสุนัขจังหวัดชลบุรี นำหลักฐานเอกสาร รวมถึงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ขณะพบเจอแมวพันธุ์เปอร์เซีย เพศผู้ ถูกหญิงสาวรายหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ มัดเชือกรัดขาแมว ลากถนนไปไกลกว่า 700 เมตร เข้าพบ ร.ต.ท.ศักนรินทร์ อัครพงศ์ชัย รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองขาม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้แมวบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่มีเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา นำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง เหตุเกิดที่บริเวณสี่แยกลังเล บ้านหนองค้อ ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
น.ส.ศรัญญา กล่าวว่าตนเองในฐานะตัวแทน ชมรมคนรักสุนัขจังหวัดชลบุรี ได้นำหลักฐานเอกสาร รวมถึงภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ขณะพบเจอแมวเพศผู้ ถูกหญิงสาวรายหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ มัดเชือกรัดขาแมว ลากถนนไปไกลกว่า 700 เมตร เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับหญิงสาวรายดังกล่าว เนื่องจากภาพที่ปรากฏและหลักฐานที่มี ก็ทำให้มีการตั้งข้อสังเกต และสงสัยว่าจะเป็นการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ ถึงแม้ว่าผู้ก่อเหตุจะกล่าวอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เมื่อแมวได้รับบาดเจ็บแล้ว ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ตามขั้นตอนต่อไป
นายนันทชัย ฟักสัน อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา กล่าวต่อว่าก่อนเกิดเหตุขณะนั้นตนเองขับขี่รถยนต์กระบะกำลังจะไปเหตุรถชนกัน แต่ปรากฎว่าระหว่างทางก็ได้พบกับหญิงสาวรายหนึ่งกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีเชือกผูกติดกับรถจักรยานยนต์ ส่วนปลายเชือกผูกติดกับขาแมว ซึ่งในขณะนั้นตนเองก็ได้พยายามบีบแตรให้รถจักรยานยนต์หยุดแล้ว แต่หญิงสาวรายดังกล่าวก็ไม่ยอมหยุดรถ และลากแมวไปไกลกว่า 700 เมตร ก่อนเชือกจะหลุดออก ส่วนหญิงสาวก็รีบขี่รถจักรยานยนต์ไป หลังจากนั้นตนเองก็ได้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวแมวส่งโรงพยาบาลสัตว์
ในขณะที่ น.ส.นงนุช นาดี อายุ 31 ปี ทำงานเป็นผู้ช่วยแม่บ้านอนามัยหนองค้อ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ กล่าวว่าตนเองเข้ามาพบกับตำรวจ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยปกติแล้วตนเองเป็นคนรักสัตว์ไม่มีเจตนาก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งตนเองไม่ทราบจริงๆว่ามีแมวติดมากับรถจักรยานยนต์ของตนเอง ส่วนกรณีที่มีรถกู้ภัยบีบแตรเรียกตนเองแล้วไม่จอดรถจักรยานยนต์นั้น ก็เนื่องจากใส่หูฟังอยู่ จึงไม่ได้ยินเสียง อย่างไรก็ตามตนเองยอมรับผิดจริง แต่ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาจริงๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ทั้งนี้จะมีการสอบสวนสรุปผล และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย