กรุงเทพฯ 7 พ.ค. 63 – ก.ล.ต. จัดสัมมนา แชร์ประสบการณ์จากสมาคมอี-คอมเมิร์ซ และผู้ก่อตั้งกรุ๊ปมาร์เก็ตเพลส เห็นตรงกันช่องทางค้าขายสินค้าออนไลน์เป็นทางรอดในวิกฤตโควิด-19
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. จัดเสวนา หาคำตอบธุรกิจ SME จะปรับตัวให้รอดและรุ่งได้อย่างไรในยุค COVID-19 เรื่อง “พลิกโฉมธุรกิจ SME: โอกาสใหม่ในยุค COVID-19” โดยนายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายกสมาคม ผุ้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ( E-commerce ) กล่าวว่ากลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 กลุ่มแรกๆ คือธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งในกลุ่มสตาร์ทอัพได้มีการช่วยเหลือกัน โดยการโยกย้ายพนักงานบางหน้าที่ ไปช่วยทำงานในบริษัทที่ยังเดินหน้าได้ ร่วมถึงการรับงานร่วมกันระหว่างบริษัท เพื่อเลี่ยงการปลดพนักงาน ขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดีในภาวะวิกฤตตอนนี้ ซึ่งอีคอมเมิร์ซปัจจุบันไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของผู้ประกอบการธุรกิจ พร้อมกับแนะนำการขายออนไลน์ คือ ให้มองตัวเอง ว่ามีความถนัดหรือทักษะด้านไหนเป็นพิเศษ ที่สามารถนำมาเป็นประโยชน์ต่อคนรอบข้าง เช่น เล่นกีต้าร์เก่งและเคยเล่นเป็นงานอดิเรก ก็สามารถนำทักษะมาใช้ในการสอนออนไลน์ได้ และให้มองภายนอกรอบๆ ตัวเอง โดยให้มองว่าคนบ่นอะไร และนำเสียงบ่นเหล่านั้นมาตั้งคำถามว่า เราสามารถสร้างสินค้าอะไรที่ตอบโจทน์คนเหล่านั้นได้บ้าง
ขณะที่คนที่จะเริ่มขายสินค้าในช่วงนี้ ให้เริ่มขายสินค้าผ่านช่องทาง โซเซียลมีเดีย หรือ โซเซียลคอมเมิร์ซ เพราะเป็นช่องทางที่คนไทยมีการซื้อสินค้าออนไลน์ในสัดส่วนสูงถึง 40% ของมูลค่าซื้อขายสินค้าออนไลน์ เพราะเป็นช่องทางที่ผู้ซื้อรู้สึกว่าได้ซื้อสินค้าโดยตรงกับผู้ค้า เพราะสามารถโต้ตอบกันได้ รองลงมาคือช่องทางอีมาร์เก็ตเพลส เพราะจะมีการทำโปรโมชั่นดึงดูดผู้ซื้อ และช่องทางสุดท้าย คือการสร้างเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมคนไทยยังชอบการซื้อขายสินค้าผ่านทางหน้าร้าน หรือออฟไลน์ จึงจำเป็นต้องมีหน้าร้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ขณะที่ช่องทางออนไลน์ ลูกค้าส่วนใหญ่ 80%-90% จะใช้เป็นช่องทางในการหาข้อมูลสินค้า เพี่อตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อผ่านทั้งทางช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
นางสาวภาวรินทร์ รามัญวงศ์ ผู้ก่อตั้งกรุ๊ปธรรมศาสตร์มาร์เก็ตเพลส ระบุว่า กลุ่มธรรมศาสตร์มาร์เก็ตเพลส ตั้งขึ้นมาได้ 1 เดือน ปัจจุบันมีสมาชิก 170,000 คน โดยกลุ่มเกิดจากการที่ผู้ค้าและผู้ซื้อไม่สามารถออกมาซื้อสินค้าได้ตามปกติ แต่ยังมีความต้องการซื้อขายกันอยู่ จึงตั้งเป็นกลุ่มซื้อขายสินค้าขึ้นมา เพื่อเป็นช่องทางในการซื้อขายสินค้ากัน ระหว่างผู้ที่เรียน เคยเรียน และบุคคลากรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสาตร์ และเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต โดยกลุ่มจะเป็นแบบไพรเวท เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ซึ่งผู้ที่ต้องการเข้ากลุ่มทั้งบุคคลภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะถูกคัดเลือก เพื่อลดการซื้อขายสินค้าผิดกฎหมายและการฉ้อโกงกัน และยังกำหนดให้ผู้ค้ามีการแท็คผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมศาสตร์ เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มการมองเห็น
นายปาณพล จันทรสุกรี ผู้ก่อตั้งกรุ๊ปจุฬาฯมาร์เก็ตเพลส ระบุว่า กลุ่มนี้เกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นเพื่อนขายสินค้าในกลุ่มไลน์หมู่บ้าน ซึ่งมียอดขายสูงพอๆกับการขายหน้าร้าน ในขณะที่มีสมาชิกในกลุ่มเพียง 400 คน จึงตั้งเป็นกลุ่มจุฬาฯมาร์เก็ตเพลสขึ้น ซึ่งปัจจุบันก่อตั้งได้เกือบ 1 เดือน มีสมาชิก 230,000 คน โดยจะมีการแชร์ประสบการณ์ระหว่างผู้ดูแลกรุ๊ปของธรรมศาสตร์และจุฬามาร์เก็ตเพลส เพื่อให้สามารถดูแลกรุ๊ปให้มีความรัดกุมและลดการฉ้อโกงในการซื้อขายสินค้า สำหรับสินค้าที่มีการซื้อขายจำนวนมาก จะเป็นพวกของกิน ขนม เบเกอรี่ และผลไม้ .- สำนักข่าวไทย