คาด 3 ปัจจัยแล็บยะลาตรวจโควิด-19 คลาดเคลื่อน

สธ. 5 พ.ค.-อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แจงปัจจัยแล็บยะลาคลาดเคลื่อน  มี 3 สาเหตุ “คน-เครื่องมือ-ระบบ”  เผยในการสอบทาน เชื้อโควิด-19 พบตัวอย่างน้ำเปล่า ที่ต้องให้ผลลบ กลับเป็นบวก คาด 40 ตัวอย่างเชื้อส่งถึง กทม.และตรวจรู้ผล 6 พ.ค.นี้ 


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวชี้แจงกรณีผลตรวจยืนยันโควิด-19 จำนวน 40 คนที่แล็บยะลาคลาดเคลื่อน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากพื้นที่ ที่ร่วมกันระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จังหวัดสงขลา และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เบื้องต้นคาดว่า ความคลาดเคลื่อน 1 ใน 3 ของสาเหตุ ดังนี้ 1.ความผิดพลาดจากมนุษย์ผู้ปฎิบัติหน้าที่ 2. ความผิดพลาดของเครื่องมือ และ 3. ความผิดพลาดจาก ระบบ  


ส่วนขั้นตอนการตรวจยืนยันเชื้อใช้วิธี RT PCR จะต้องมีตรวจสอบทาน ทั้งนำตัวอย่างผลบวกและผลลบมายืนยันร่วมด้วย ซึ่งตัวสอบทานนี้จะต้องให้ ผลยืนยันคงที่ ไม่ไขว้เขว โดยตัวสอบทานที่ใช้ปกติในการตรวจเพื่อยืนยันผลลบจะใช้น้ำเปล่า แต่ครั้งเกิดปัญหานี้  กลับพบว่าผลสอบทานที่เป็นน้ำเปล่า ให้ผลตรวจกลายเป็นบวก ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต้องหยุดตรวจ และตรวจสอบยืนยันใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องรอตรวจสอบว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร และการออกมาเปิดเผยถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ถือว่าทำตามมาตรฐานของห้องปฎิบัติการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ต้องกล้าบอก 

นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตัวอย่างเชื้อทั้ง 40 ตัวอย่างกำลังถูกนำมา ตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ส่วนกลางที่กรุงเทพฯ  แต่เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการเดินทางไม่สามารถส่งมาได้ด้วยเครื่องบิน จึงเดินทางมาด้วยรถยนต์ ใช้เวลา 16 ชั่วโมง คาดว่าจะถึงกรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้  (6 พ.ค.)และจากนั้นใช้เวลาตรวจอีก 3 ชั่วโมง 

อย่างไรก็ตามไม่อยากให้มีการเพ่งโทษหรือเอาผิดกับใคร เพราะการตรวจสามารถเกิดความคลาดเคลื่อนหรือผิดพลาดได้ และไม่ต้องกังวลในกระบวนการตรวจนี้ ควบคู่กับกระบวนการค้นหาผู้ป่วย ที่ยังดำเนินการต่อ โดยทั้ง 40 คนนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์แล้ว ไม่ได้มีการออกมานอกระบบ ไม่ได้ออกมาปะปนกับคนภายนอก กระบวนการควบคุมโรคยังดำเนินการตามปกติ 


นพ.โอภาส กล่าวด้วยว่า ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ จังหวัดยะลา มีการตรวจยืนยันเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา ไปแล้ว 4,000 ตัวอย่างภายใน 1 เดือน โดยเครื่องตรวจ RT PCR ทราบว่าเป็นเครื่องใหม่ แต่ไม่ยังสามารถ ระบุรายละเอียด ได้ ถึงช่วงเวลาของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ว่าในช่วงเวลาใด  ชัด  ส่วนการตรวจยืนยันโควิด -19 ภาพรวมทั่วประเทศ ดำเนินการไปแล้ว 227,860 ตัวอย่าง ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา  มีการตรวจ 6,000 ตัวอย่างมากกว่าเดิม 2 เท่า  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย