สธ.4 พ.ค..-สธ.เผยภาพรวมผ่อนปรน วันแรก ประชาชนยังให้ความร่วมมือดี สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง แต่หากประมาท ตัวเลขติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้น ให้รอดูสัปดาห์หน้า
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงว่า วันนี้ถือเป็นวันที่2 ที่รัฐบาลผ่อนปรนให้ดำเนินกิจการและกิจกรรม 6 ประเภท ซึ่งหากดูตัวเลขจำนวนผู้ป่วยโควิด-19วันนี้ พบว่า มีการรายงานผู้ป่วยรายใหม่ 18 ราย เป็นผู้ป่วยที่พบจากการค้นหาเพิ่มเติม ที่อยู่ในศูนย์กักกันตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในอ.สะเดา เป็นกลุ่มต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ขณะนี้ได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างดี อาการน้อย และอายุน้อย อาการเจ็บป่วยอยู่ในระดับที่สามารถดูแลได้ หากมีอาการหนักจะได้รับการดูแลอย่างทันจากทีมแพทย์จากรพ.สนามในศูนย์ดังกล่าว
วันนี้ถือว่าเป็นข่าวดี ที่ไม่พบผู้ป่วยรายงานในกรุงเทพมหานคร ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่วนผู้ป่วยทั้งหมดในไทย คือ จำนวน 2,987ราย รักษาที่รพ.193 ราย และในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด คิดเป็นมากกว่า90% รักษาหายและกลับบ้านแล้ว ตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่ ไม่แตกต่างจากเดิม และสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ แต่หากมีการเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น พบปะกันมากขึ้น รวมถึงการเปิดกิจการต่างๆมากขึ้น หากไม่มีการระวัง และปฏิบัติตามมาตรการ เว้นระยะ สวมหน้ากาก อาจทำให้มีโอกาสพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า จึงย้ำให้ดำเนินตามมาตรการต่างๆที่รัฐบาลแนะนำ ขอให้ตระหนักการสวมใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร เต็มที่100% เพื่อป้องกันโรค
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก พบผู้ติดเชื้อ กว่า3.5 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 2.4 แสนราย ซึ่งประเทศไทยคิดเป็นอัตราป่วย/เสียชีวิต อยู่ที่ 1.8% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของระดับนานาชาติ โดยต้นเดือนมีนาคม พบการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดท่องเที่ยว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทราบสถานการณ์แพร่ระบาด ก่อนที่จะกระจายไปในจังหวัดอื่นๆ และพบรายงานผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และในช่วง28 วันที่ผ่านมา มีจังหวัดที่ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อ เกินครึ่งของประเทศ ถือว่าอยู่ในระดับที่สบายใจว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ หากทุกส่วนร่วมมือกัน
ภาพรวมการผ่อนปรนวันแรก ถือว่า ทุกคนยังให้ความร่วมมือ สวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างอยู่ แต่มีบางส่วนที่ละเลย ในการไปซื้อสิ้นค้า บางประเภทในห้างสรรพสินค้า รวมถึง สุรา พร้อมย้ำเตือนว่า ต้องซื้อในเวลา 11.00-14.00น.และเวลา17.00-24.00 น.เท่านั้น หากนอกเหนือเวลาดังกล่าวถือว่าผิดกฏหมาย และในวันพุธที่ 6 พ.ค.นี้ วันวิสาขบูชา ไม่สามารถซื้อและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
จากมาตรการผ่อนปรนคลายล็อกให้เปิดสถานที่ต่างๆได้ ทำให้มีโอกาสที่ประชาชนจะกลับมาติดเชื้อได้อีก ดังนั้นยังจำเป็นต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้มีประสิทธิภาพอยู่ และในสัปดาห์หน้า จะลงตรวจในเรือนจำ รวมถึงที่พักของแรงงานต่างด้าว เพิ่มมาตรการเชิงรุกในการคัดกรอง จึงยังไม่ควรประมาท เพราะการระบาดในระลอก2 อาจจะกลับมาอีก สิ่งที่ทำได้คือยังต้องป้องกันโรคให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งในหลายประเทศพบว่า การระบาดในระลอกที่2 พบผู้ป่วยมากกว่าครั้งแรก ขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างระลอกที่1และหวังว่าจะไม่เจอระลอกที่2 และไม่เจอตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรค เปิดสายด่วนโควิด-19 สำหรับแรงงานต่างด้าว 1422 แบ่งเป็น 3 ภาษา คือ ลาว กัมพูชา และพม่า.-สำนักข่าวไทย