เตือนญาติ ห้ามบันทึกภาพ เสียง คลิปสนทนา เยี่ยมผู้ต้องขังผ่านระบบ Line visit เผยแพร่

กทม.3พ.ค.-รมว.ยธ.เตือน ญาติอย่านำภาพสนทนา ผ่านระบบเยี่ยมญาติผ่าน line visit  ไปเผยแพร่ต่อ เหตุจะถูกตัดสิทธิเยี่ยม 



นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) กล่าวถึงกรณีที่กรมราชทัณฑ์กำหนดมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด โควิด-19 ในเรือนจำผ่านการงดเยี่ยมญาติในพื้นที่ และได้นำเทคโนโลยีการเยี่ยมญาติผ่านหน้าจอมือถือ โดยใช้แอปพลิเคชันไลน์ หรือ line visit แทนนั้น มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก และสามารถทำได้ด้วยตนเองตามขั้นตอนที่กรมราชทัณฑ์กำหนด เพียง 3 ขั้นตอน คือ 1.ให้ญาติผู้ต้องขังกดเพิ่มเพื่อน ของ ID Line ที่ชื่อว่า visit cida หรือ ทางคิวอาร์โค้ด 2.เข้าสู่การลงทะเบียนเพื่อแสดงตัวตน โดยใช้เอกสาร 2 ฉบับ คือ ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน และภาพถ่ายใบเสร็จชำระค่าบริการของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียบซิมโทรศัพท์มือถือที่ใช้เป็นหมายเลขเพื่อติดต่อทางไลน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ รวมถึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน  และเมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว 3.ญาติที่ประสงค์จะเยี่ยมผู้ต้องขังต้องแจ้งความประสงค์ขอเยี่ยมผ่านทางไลน์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดคิว และแจ้งวัน เวลา นัดหมายให้วิดีโอคอล ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อเยี่ยมผู้ต้องขัง โดยให้เยี่ยมได้ครั้งละไม่เกิน 10 นาที เพื่อให้บริการกับญาติผู้ต้องขังรายอื่นอย่างทั่วถึง อย่างไรก็ดีสำหรับญาติของผู้ต้องขังที่จะลงทะเบียนได้นั้น ต้องเป็นไปตามรายชื่อที่ผู้ต้องขังแจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่เกิน 10 คน ทั้งนี้การเยี่ยมแบบ Line visit นั้นจะให้สิทธิผู้ต้องขังเดือนละ 1 ครั้ง ยกเว้นในรายที่เป็นผู้ต้องขังห้ามเยี่ยม เพราะทำผิดวินัย

นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า แม้การเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19จะเข้มข้นมากในหลายพื้นที่ แต่เพื่อรักษาสัมพันธภาพระหว่างผู้ต้องขังและญาติ และลดอาการเครียดของผู้ต้องขัง ทางกรมราชทัณฑ์จึงต้องนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วย แต่ยอมรับว่าการวิดีโอคอลนั้นอาจมีผู้บันทึกภาพนิ่ง เสียง หรือวีดีโอ เพื่อไปเผยแพร่สู่โลกภายนอกได้ จึงขอเตือนว่าห้ามกระทำ เพราะจะถูกตัดสิทธิการเยี่ยมผ่านระบบ Line visit ทันที.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย