ทำเนียบฯ 1 พ.ค.- ศบค.แถลงพบผู้ป่วยรายใหม่ 6 คน ไม่พบผู้เสียชีวิต ระบุ คนเริ่มเดินทาง เตือน แม้จะผ่อนปรนมาตรการ แต่ต้องจัดสมดุลไม่ให้มีการกลับมาติดเชื้อรอบใหม่
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงวันนี้ (1 พ.ค.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 6 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,960 ราย รักษาหาย 2,719 ราย รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 187 ราย ถือว่าต่ำกว่า 200 เป็นครั้งแรก ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ถือว่ายังวางใจไม่ได้ เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขอายุเฉลี่ยผู้ป่วย คือ 39 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน เดินทางเคลื่อนย้าย และที่ได้รับทราบข่าวมา คือ รถบนท้องถนนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) มีจำนวนมาก บางเส้นทางรถมากเหมือนช่วงเทศกาลวันหยุดยาวตามปกติ จึงมีความห่วงใยเรื่องการเดินทาง แม้จะมีการผ่อนปรนมาตรการ แต่ยังมีความกังวลเรื่องจัดสมดุลอย่างไร ไม่ให้มีการกลับมาติดเชื้อรอบใหม่
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 6 ราย พบว่า เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 1 คน เป็นชายอายุ 64 ปี ไปสถานที่ชุมชน มีประวัติไปตลาดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ก่อนจะมีอาการ จึงต้องเน้นย้ำเรื่องของมาตรการต่างๆ ซึ่งตลาดเป็นพื้นที่ที่ได้รับการผ่อนปรนระยะแรก ส่วนผู้ป่วยอีก 5 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุก ในชุมชนพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นกลุ่มที่กลับจากการทำพิธีทางศาสนาจากมาเลเซีย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,960 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,489 รายและมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 12 ราย ภูเก็ต 216 ราย นนทบุรี 157 ราย ยะลา 118 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 113 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า อยู่ในจังหวัดชายแดนใต้ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่วนรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วัน มี 42 จังหวัด ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อช่วง 28 วัน มี 26 จังหวัด และมี 9 จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อมาก่อน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก 210 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 2 เรือสำราญ พบผู้ติดเชื้อรวม 3,308,233 คน เสียชีวิต 234,105 คน โดยสหรัฐฯ ยังเป็นอันดับหนึ่งที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด มีผู้ติดเชื้อ 1,095,210 ราย เสียชีวิต 63,861 ราย
“สำหรับประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ คือ แพทย์ทำเนียบขาว เตือนสหรัฐ รับมือโควิด-19 รอบ 2 หนักกว่าเดิม ถือว่ามีความสำคัญและมีความเชื่อมโยงกับนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ เฟซบุ๊ก ออกมาเตือนว่า อย่าเปิดพื้นที่สาธารณะเร็วเกินไป เพราะอาจเกิดการระบาดอีกรอบ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึง การนำคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศวันนี้ ได้แก่ สิงคโปร์ 165 คน และ เนปาล 38 คน. ส่วนวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) มีคนไทยที่จะเดินทางกลับ ได้แก่ คาซัดสถาน 55 คน เนเธอร์แลนด์ 35 คน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)130 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่ วันที่ 4 -30 เม.ย. รับคนไทยกลับประเทศ รวม 3,381 คน จาก 23 ประเทศ ส่วนสถานกักกัน หรือ State Quarantine ที่รัฐจัดให้มีการกักตัวสะสม ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.-1พ.ค. รวม 4,218 คน อยู่ระหว่างกักตัว 2,775 คน วันนี้ 189 คน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะที่ สถิติคนเดินทางกลับประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบก ที่ลงทะเบียนไว้ 428 คน เดินทางเข้ารวม 439 คน ประกอบด้วย เมียนมา 34 คน มาเลเซีย 371 คน สปป ลาว 10 คน และกัมพูชา 24 คน โดยเข้ากักตัว Local Quarantine 76 จังหวัด รวม 7,628 คน อยู่ระหว่างกักตัว 5,922 คนกลับบ้านแล้ว 1,706 คน คงเหลือ 15,170 คน
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึง การฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว 154 คน ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีความจำเป็น 607 คน โดยสาเหตุการออกนอกเคหสถาน 3 อันดับแรก คือ ออกมาทำธุระ ,เดินทางกลับที่พัก ,ขับขี่ยานพาหนะเล่น ส่วนสาเหตุการชุมนุมมั่วสุม คือ เล่นการพนัน ดื่มสุรา และ เสพยาเสพติด
“ปริมาณการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เข้า-ออก กทม. เริ่มออกมามากขึ้น รวมถึง รถขนส่งสาธารณะและการขนส่งทางราง พบมีการเดินทางมากขึ้นทุกช่องทาง ตัวเลขที่พุ่งขึ้นมองว่า คนคงสบายใจผ่อนคลาย จึงออกมานอกบ้านมากขึ้น แต่การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ยังมีความจำเป็น และหากต้องออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว .- สำนักข่าวไทย