ธปท.เผยเศรษฐกิจ มี.ค.หดตัวหนัก คาดไตรมาสแรกติดลบ

กรุงเทพฯ 30 เม.ย. – ธปท.เผยเศรษฐกิจเดือนมีนาคม 2563 หดตัวหนัก หลังเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวดับ ขณะที่จีดีพีไตรมาส 1 คาดติดลบ และจะติดลบสูงขึ้นไตรมาส 2  


นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม 2563 หดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ จากการที่เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหดตัวเกือบทุกตัว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเดือนมีนาคมติดลบ 76.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการใช้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศในหลายประเทศรวมถึงไทย เพื่อควบคุมการระบาดของโรค COVID-19  

ขณะที่การส่งออกติดลบ 2.2% แต่หากไม่รวมส่งออกทองคำจะติดลบสูงถึง 6.5% ส่วนการบริโภคภาคเอกชนหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนตามการใช้จ่ายเกือบทุกหมวด ยกเว้นหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวได้ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ติดลบสูงถึง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 


อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้ากลับมาขยายตัว 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากหดตัวสูงในเดือนก่อนหน้า หากไม่รวมการนำเข้าทองคำ มูลค่าการนำเข้าขยายตัว 1.3% ตามการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน จากการผ่อนคลายมาตรการการปิดเมือง เช่นเดียวกับการใช้จ่ายของภาครัฐที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ตามการทยอยเบิกจ่ายภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เป็นหลัก 

นายดอน กล่าวว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยปรับไปในทิศทางที่แย่ลง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 ตามการปรับลดลงของราคาน้ำมัน ขณะที่เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 คาดจะติดลบและติดลบสูงขึ้นในไตรมาส 2 โดยเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแบบตัว U หรือตัว V ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาได้เร็วแค่ไหน ซึ่งแม้หลายประเทศสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น และเริ่มทยอยปลดล็อคการล็อกดาวน์ ก็ไม่แปลว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเร็ว และยังเป็นปัจจัยที่กดดันให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า แม้ขณะนี้จะกลับมาแข็งค่าแล้วก็ตาม นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังกังวลเศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวแบบตัว W หรือมีแนวโน้มที่ไวรัสโควิด-19 อาจกลับมาระบาดอีกครั้ง 

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการขนาดใหญ่ โดยในส่วนของซอฟท์โลนของแบงก์ชาติ วงเงิน 500,000 ล้านบาท หากถูกนำไปใช้ทั้งหมดจะมีผลเกือบ 3% ของจีดีพี และในส่วนของรัฐบาล 1 ล้านล้านบาท หากเข้าสู่ระบบทั้งหมดและตรงกลุ่มเป้าหมายจะมีผล 6% ต่อ จีดีพี ซึ่งถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะต้องเบิกจ่ายเงินให้เร็วและตรงจุดที่สุด .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อ ลูกชายยังอยู่ในอาการช็อก เชื่อเสียใจและอยากมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง