fbpx

ธปท.เผยเศรษฐกิจ เม.ย.เปราะบาง ห่วงยอดว่างงานพุ่ง

กรุงเทพฯ 29 พ.ค. – ธปท.เผยเดือนเมษายนเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดับทุกตัว ยกเว้นการใช้จ่ายภาครัฐช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนัก กังวลกลุ่มแรงงานมีความเปราะบาง หลังตัวเลขผู้ว่างงาน เม.ย.เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ขณะที่การคลายล็อกดาวน์และการรับเงินเยียวยาเราไม่ทิ้งกันจะช่วยพยุงเศรษฐกิจระยะต่อไป 


นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนเมษายน 2563 โดยระบุว่าเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกตัวดับลง ยกเว้นการใช้จ่ายภาครัฐ โดยการท่องเที่ยว -100% เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศจากมาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มงวดของหลายประเทศรวมทั้งไทย การส่งออกไม่รวมทองคำติดลบ 15.9% ตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ที่ติดลบมากที่สุด แต่หากรวมการส่งออกทองคำซึ่งเดือนเมษายนมีการส่งออกสูงเป็นประวัติการณ์ จะทำให้การส่งออกรวม -3.3% ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชน -15.1% การลงทุนภาคเอกชน -6.1% ขณะที่ความต้องการภายในและต่างประเทศลดลง ส่งผลให้ภาคการผลิต -17.2% ทำให้การนำเข้าสินค้าในทุกหมวดหดตัวสูงตาม เช่นเดียวกับรายได้ภาคเกษตรที่ลดลงจากผลกระทบภัยแล้ง ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นตัวขับเครื่องเดียว โดยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งรายจ่ายประจำโดยไม่รวมเงินโอนในโครงการเราไม่ทิ้งกัน ขยายตัว 7.99% ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลขยายตัว 28.9% และรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ขยายตัว 14.1% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล  0.7% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้น -2.99% 


ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธปท. ระบุอีกว่า แม้เสถียรภาพของเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ก็ถือว่ามีความเปราะบาง  โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ยอมรับว่ามีความน่ากังวล ซึ่งในเดือนเมษายนมีจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ 170,144 ราย เป็น  215,652 ราย ในเดือนเมษายน  โดย 16% ถูกเลิกจ้าง ขณะที่สถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 445 แห่ง เป็น 2,406 แห่งในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามมาตรการช่วยเหลือแรงงานกลุ่มดังกล่าว ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจเดือนพฤษภาคม ยังมีแนวโน้มหดตัวในระดับสูง แต่จะดีขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการคลายล็อคดาวน์ รวมทั้งการโอนเงินในโครงการเราไม่ทิ้งกันที่มีจำนวนผู้ได้รับเงินมากขึ้น . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย