fbpx

กมธ.พัฒนาสังคมฯ เร่งช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง จากผลกระทบโควิด

กรุงเทพฯ 29 เม.ย.-กมธ.การพัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19 โดยเฉพาะคนไร้ที่พึ่ง คนเร่ร่อน และชุมชนแออัดใน กทม.-ปริมณฑล ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิการดูแลขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง พร้อมเสนอป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในจุดที่ประชาชนรวมตัวกันมาก


นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายกเทศมนตรีนครรังสิต นายกเทศมนตรีเมืองปทุมธานี นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร และนายกเทศมนตรีเมืองสมุทรสงคราม เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไร้ที่พึ่ง คนเร่ร่อน และคนในชุมชนแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิการดูแลขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง

โดยที่ประชุมฯ พบว่าภาพรวมของปัญหา แบ่งเป็น 4 ประเด็น คือ  1.ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ชัดเจน  ซึ่งเห็นว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ควรปรับปรุงข้อมูลพื้นฐานดังกล่าว เพื่อประสานงานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะผู้ปฏิบัติ ให้สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ 


2.การบูรณาการระหว่างหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการดำเนินมาตรการและตรวจสอบการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ ที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน  3.การจัดการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ ที่พบว่าครูส่วนใหญ่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลควรจัดทำข้อมูลและให้ความสำคัญเรื่องการจัดการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ให้แก่นักเรียนในทุกระดับให้ชัดเจน  และ 4.ความชัดเจนของข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติตัวในเรื่องต่าง ๆ แก่ประชาชนในท้องถิ่น ดังนั้น รัฐบาลควรสื่อสาร หรือแถลงการณ์ในทุกเรื่องให้ชัดเจน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน นำไปสู่การดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังได้มีข้อเสนอแนะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเต็มที่ โดยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ควบคู่ไปกับสงเคราะห์ประชาชนในพื้นที่ ทั้งในกรณีที่ดำเนินการเองและกรณีที่หน่วยงานอื่นให้ความช่วยเหลือ โดยอาจทำในรูปแบบของช่องทางการตั้งจุดแบ่งปัน เป็นต้น นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดในจุดที่มีประชาชนรวมตัวกันจำนวนมาก เช่น ธนาคาร ตลาด รวมถึงตระหนักถึงการให้ความช่วยเหลือในกลุ่มบุคคลเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง ให้ดีที่สุด

ส่วนการช่วยเหลือผู้ตกงาน ที่ประชุมฯ เสนอแนะว่าอาจใช้มาตรการในการจ้างบุคคล หรือกลุ่มวัยรุ่นในการช่วยปฏิบัติภารกิจ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการช่วยเหลือคนตกงานอีกทางหนึ่ง หรืออาจจัดทำมาตรการเสริม โดยการมอบงินยังชีพให้แก่กลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อเป็นการเยียวยาบุคคลดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง