ภรรยา ผญบ.บุรีรัมย์ ยันไม่ได้เรียกเก็บเงินค่าสติกเกอร์ปลอดโควิด-19

บุรีรัมย์ 28 เม.ย. – ภรรยาผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ถูกกล่าวหาเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการติดสติกเกอร์บุรีรัมย์ เฮลท์ตี้ บนบัตรประจำตัวประชาชน จากชาวบ้านรายละ 20 บาท เพื่อรับรองปลอดโรคโควิด-19 ไม่เป็นความจริง น่าจะเป็นการเข้าใจผิด

กรณีชาวบ้านโพสต์คลิปในโซเชียลแฉว่ามีผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ เรียกเก็บเงินค่าดำเนินการติดสติกเกอร์บุรีรัมย์ เฮลท์ตี้ บนบัตรประจำตัวประชาชนจากชาวบ้านรายละ 20 บาท เพื่อรับรองปลอดโรคโควิด-19 ตามมาตรการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนตำรวจจะเข้าจับกุมสอบสวนดำเนินคดี


ล่าสุดผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่ไปยังบ้านผู้ใหญ่บ้านคนที่ถูกกล่าวหา พบเพียงภรรยาและเพื่อนบ้านนั่งเล่นอยู่เท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่บ้านไปปฏิบัติหน้าที่จุดตรวจโควิดในหมู่บ้าน แต่เมื่อไปหาที่จุดตรวจก็ไม่พบ

นางยุรี แก้วอรสาน ภรรยาของผู้ใหญ่ ยืนยันว่าไม่ได้เรียกเก็บเงินค่าติดสติกเกอร์จากชาวบ้าน พร้อมชี้แจงว่าวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านได้รับสติกเกอร์มาจากอำเภอ จึงประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านนำบัตรประชาชนมาติดสติกเกอร์ที่บ้าน แต่การติดสติกเกอร์ชาวบ้านจะต้องลงทะเบียนบุรีรัมย์ เฮลท์ตี้ ผ่านระบบออนไลน์เพื่อยืนยันตัวตนก่อน จึงให้เด็กนักเรียนในหมู่บ้านมาช่วยทำให้คนเฒ่าคนแก่ บางคนพอทำได้แล้วก็เห็นว่าเด็กซึ่งเป็นลูกเป็นหลานคนในหมู่บ้านมาช่วยก็แสดงน้ำใจด้วยการให้ค่าขนมคนละ 20 บาท 50 บาท 100 บาทบ้าง แต่ไม่ได้มีใครเรียกเก็บหรือเรียกร้องตามที่ถูกกล่าวหา

ส่วนภาพที่ปรากฏในคลิปที่เผยแพร่ในโซเชียลเป็นภาพที่ลูกบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านอาจเข้าใจผิดคิดว่าเรียกเก็บเงิน จึงให้ลูกชายเดินเอาเงินมาให้ 60 บาท แล้วจู่ๆ ก็มาโวยวายว่าทำไมต้องเรียกเก็บเงิน ทั้งที่ไม่ได้มีใครเรียกเก็บ จึงคืนเงินให้ไปก็คิดว่าเรื่องจบ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่กลับนำคลิปไปเผยแพร่ จนเจ้าหน้าที่นำตัวสามีไปสอบสวน จึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะวันที่เกิดเหตุสามีไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และในคลิปไม่ปรากฏว่ามีการจ่ายหรือรับเงิน


นางจ้อน ชาวบ้านซึ่งปรากฏอยู่ในคลิป บอกว่า วันที่เกิดเหตุตนเองนำบัตรประชาชนมาติดสติกเกอร์เหมือนกัน ไม่เห็นมีใครเรียกเก็บเงิน พอติดสติกเกอร์เสร็จก็ขับรถออกไปซื้อของที่ตลาด กลับมาก็ซื้อขนมมาฝากเด็กๆ ที่มาช่วยลงทะเบียนติดสติกเกอร์เท่านั้น ส่วนภรรยาผู้ใหญ่บ้านยืนย้อมผมให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอยู่ จู่ๆ มีชาวบ้านคนหนึ่งมาโวยวายว่าทำไมต้องเรียกเก็บเงิน ตนเองยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกเก็บ น่าจะเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า

นางสมศรี ชาวบ้านอีกคนที่นำบัตรประชาชนไปติดสติกเกอร์ เล่าว่า วันที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 25 เมษายน ตนเองมีเงินอยู่ 200 บาท เพราะตอนนี้ไม่ค่อยมีใครจ้างงาน ตั้งใจนำเงินไปซื้อข้าวสารมาหุงไว้ให้คนในครอบครัวทั้ง 6 ชีวิตได้กิน แต่พอได้ยินผู้ใหญ่ประกาศว่าสติกเกอร์มาแล้ว ให้นำบัตรประชาชนไปติด เพื่อแสดงการปลอดโรคโควิด-19 ด้วยกังวลว่าหากไม่นำบัตรประชาชนไปติดสติกเกอร์จะไม่สามารถไปไหนมาไหนหรือซื้อของที่ตลาดได้ จึงรีบนำบัตรประชาชนไปที่บ้านผู้ใหญ่ แต่พอไปติดเขาบอกว่าต้องจ่ายค่าสติกเกอร์คนละ 20 บาท ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ซึ่งบ้านตนเองมีทั้งหมด 5 คน จ่ายไป 100 บาท เหลือเงินติดตัวเพียง 100 บาท จึงเก็บไว้ ยังไม่ซื้อข้าวสาร แล้วเดินกลับบ้าน กระทั่งช่วงสายผู้ใหญ่ก็เดินเอาเงิน 100 บาท มาคืนให้ที่บ้าน แต่ไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร แต่ก็ดีใจที่ได้เงินคืน เพราะตอนนั้นมีเงินติดตัวแค่ 200 บาท จึงนำเงินที่ได้คืนไปซื้อข้าวสาร

สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ตามแนวทาง Buriram Healthy Model ระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม ข้อที่ 2 บุคคลที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ที่พักอาศัยอยู่ในท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ ณ ท้องที่ใดก็ตาม ต้องมีสติกเกอร์ เครื่องหมายแสดงการปลอดโรคโควิด-19 ติดอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่พบสติกเกอร์บนบัตร จะต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ สั่งสอบผู้ใหญ่บ้านรีดเงินแลกสติกเกอร์ปลอดโควิด


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

Hun Sen in vdo call

“ฮุน เซน” ยืนยันไม่หนีออกจากกัมพูชา

พนมเปญ 24 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังอยู่ในกัมพูชา หลังจากมีข่าวว่าเขาหนีออกนอกประเทศไปจีน นายฮุน เซน โพสต์เป็นภาษาเขมรในหน้าเฟซบุ๊กชื่อ Samdech Hun Sen of Cambodia ที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน และไม่ได้ติดตามใคร เมื่อช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยอ้างว่า หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า เขาเดินทางออกจากกัมพูชาไปจีน เขาขอยืนยันว่า ขณะนี้กำลังประชุมทางวิดีโอกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารในทุกระดับ เพื่อสู้รบกับไทย เขาไม่ได้วิ่งหนี ดังนั้นขอให้เพื่อนร่วมชาติอย่าได้กังวล นายฮุน เซนโพสต์ว่า เขามาประชุมเรื่องนี้ตั้งแต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยประกาศจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับลงภาพตนเองขณะกำลังคุยโทรศัพท์และประชุมทางวิดีโอหลายภาพ.-814.-สำนักข่าวไทย

สมช.ประณามกัมพูชา ย้ำยังไม่ใช่ภาวะสงคราม

24 ก.ค. – สมช. ประณามการกระทำของกัมพูชา ใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พร้อมย้ำขณะนี้เป็นเพียงการปะทะกัน ยังไม่ใช่ภาวะสงคราม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้เป็นนัดพิเศษ และเป็นการประชุม ครม.ด้วย โดยได้รับรายงานการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นการยิงเข้ามาจากทางกัมพูชา และมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 1 นาย และบาดเจ็บ 28 คน จึงขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้กำลังโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ขณะที่อาวุธหนักบางลูกยิงเข้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างชายแดนเพียง 3 กิโลเมตร ถือเป็นการใช้กำลังโดยไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันไม่ใช่ภาวะสงคราม เป็นเพียงการปะทะกันเท่านั้น และย้ำว่าไทยใช้สันติวิธี ไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการยั่วยุ จึงต้องป้องกันตนเองและประเทศชาติ ซึ่งไทยไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ทั้งนี้ ได้เตรียมการป้องกันและปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ โดยใช้มาตรการต่างๆ และอำนาจทางการทหารอย่างเหมาะสม ซึ่งหากฉุกเฉินทหารสามารถปฏิบัติการได้ทันที โดยให้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ […]

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย