กรุงเทพฯ 26 เม.ย. – “ชาญศิลป์” หวังรัฐเร่งประกาศลดชนิดน้ำมันเหลือ 4-5 ชนิด และปรับโครสร้างราคา NGV อิงราคาน้ำมัน
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า ทิศทางน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศในอนาคตนั้น รัฐบาลควรปรับลดชนิดน้ำมันลงจากปัจจุบันไทยมีหลายประเภทมากที่สุดในโลก เป็นภาระแก่ผู้ค้าน้ำมัน และทิศทางก็ไม่ชัดเจนในการสนับสนุนเชื้อเพลิงชีวภาพของรัฐที่จะส่งเสริม บี 10 และอี 20 เป็นเชื้อเพลิงหลักของประเทศ โดยควรจะลดชนิดน้ำมัน 8-9 ชนิด เหลือ 4-5 ชนิด ได้แก่ เบนซิน 95, แก๊สโซฮอล์ 95, อี 20 ,ดีเซลบี 10, ดีเซล เกรดพิเศษ โดยแนวคิดนี้เกิดจากผลสำรวจเจ้าของปั๊มน้ำมันและเห็นตรงกันว่าควรปรับลดชนิดน้ำมันลง เพื่อความเหมาะสมทั้งด้านผู้ใช้บริการน้ำมันและการบริหารจัดการสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการ
ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากที่ผ่านมาการอุดหนุนราคาก๊าซ NGV รถสาธารณะ ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง ส่วนหนึ่งเป็นการสนับสนุนเจ้าของกิจการที่มีฐานะ ซึ่งไม่ได้ส่งผ่านมายังอัตราค่าโดยสาร หรือนำมาลดราคาให้ประชาชนแต่อย่างใด และเพื่อให้เกิดการแข่งขันกับน้ำมันราคาควรปรับจากการอ้างอิงราคาก๊าซธรรมชาติเป็นอ้างอิงน้ำมัน โดยต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 20% ต่ำกว่าดีเซล 60-70% เพื่อยังจูงใจให้ประชาชนใช้ก๊าซ NGV เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงสะอาดลด PM2.5
รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ล่าสุดนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ตั้งคณะทำงานปรับโครงสร้างราคา NGV ระยะยาว โดยมีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการประชุมนัดแรกไปแล้วร่วมกับนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าต่อไปการพิจารณาช่วยสนับสนุนส่วนต่างราคา NGV ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะของ บมจ.ปตท.จะต้องมีเงื่อนไขมาช่วยลดราคาค่าโดยสารให้กับประชาชน คาดว่า จะได้ข้อสรุปการปรับโครงสร้าง NGV เสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.เป็นผู้อุดหนุนราคาก๊าซ NGV ให้กับรถโดยสารสาธารณะตั้งแต่ปี 2555 ส่งผลให้ ปตท.แบกภาระขาดทุนจากธุรกิจ NGV หลายหมื่นล้านบาท.-สำนักข่าวไทย