สธ.22 เม.ย.-“อนุทิน” ขีดเส้น 3 เดือนพิมพ์เขียวแผนการพัฒนาวัคซีน โควิด-19 ต้องแล้วเสร็จ พร้อมเผยรับร่วมมือกับจีน ต่อยอดวิจัยในคน อยู่ระหว่างลงนามความร่วมมือ ส่วนการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ต่อรอง 2 ธนาคาร ลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้ข้าราชการ พนักงาน สธ.
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังหารือร่วมกับคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ร่วมด้วยธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย เรื่องลดดอกเบี้ยเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ ว่า ในส่วนของการประชุมเรื่องวัคซีนนั้น ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบเดินหน้าพิมพ์เขียวแผนการทำวัคซีนโควิด-19 เพื่อใช้ในการลดอัตราการเสียชีวิตและป่วยในประชาชน โดยให้เคร่งครัดแล้วเสร็จใน 3 เดือน จากเดิมกรอบระยะเวลา 6 เดือน เนื่องจากเห็นว่านานเกินไป
โดยเป็นการต่อยอดองค์ความรู้ ร่วมกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีการระบาดก่อนเป็นที่แรก และอยู่ระหว่างการพัฒนาวิจัยวัคซีน โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติอยู่ระหว่างการลงนามความร่วมมือกับจีน ซึ่งได้ให้มีการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าถึงวัคซีนโดยไม่เสียเปรียบ ที่ผ่านมาที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติงบประมาณให้กระทรวงสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งมาใช้พัฒนาและวิจัยวัคซีน
นายอนุทิน กล่าวว่า การมีวัคซีนจะเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับโรค เพราะมาตรการต่างๆ ได้นำออกมาใช้ผลแล้ว พร้อมรับหากมีประเทศใดในโลกนี้ที่วิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 สำเร็จ ประเทศไทยก็จะติดต่อขอซื้อเพื่อให้ประชาชนของไทยปลอดภัยแน่นอน แต่ว่าขณะนี้ยังไม่มี ส่วนการลดเบี้ยเงินกู้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจนั้น เบื้องต้นขอต่อยอด ลดดอกเบี้ยให้เหลือน้อยที่สุดเหลือหลักหน่วย ดีกว่าลดต้นลดดอก
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับจีน คาดว่าน่าจะมีความก้าวหน้า โดยไทยจะรับต่อยอดทดสอบการวิจัยในคน ในระยะ 1-2-3 ซึ่งมีความแตกต่างกันจำนวนคนที่เข้าร่วมศึกษาวิจัยวัคซีนเพราะเป็นการทดลองในกึ่งอุตสาหกรรม ย่อมต้องใช้ปริมาณคนจำนวนมาก เชื่ออาศัยความสัมพันธ์อันดีของ 2 ประเทศ อีกทั้งไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นๆที่ให้การช่วยเหลือจีน เชื่อว่าตรงนี้จะมีส่วนช่วยให้ไทยได้รับวัคซีนหากสำเร็จ แต่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ว่าประเทศที่กำลังพัฒนาวัคซีนทั่วโลกมีแค่ จีนและสหรัฐอเมริกาเท่านั้นและในจีนก็มีการทดลองวัคซีน มากกว่า 1 ตัวอย่าง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ส่วนจำนวนวัคซีนที่คาดว่าจะได้รับการแบ่งปัน ยังไม่ระบุไม่ได้ ขึ้นอยู่กับระยะการทดลองของจีน ขณะเดียวกันทั่วโลกก็มีความต้องการไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการพึ่งพาประเทศอื่น อาจไม่เท่ากับพึ่งพาตนเอง โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อยู่
ทั้งนี้ รมว. สาธารณสุข ยังได้รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้งเครื่องฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 เพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ จำนวน 40 เครื่อง และเครื่องอบฆ่าเชื้อด้วยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ จำนวน 25 เครื่อง มูลค่า 50 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย