กองบัญชาการกองทัพบก 22 เม.ย.-ผบ.ทบ.ตัดงบฯ 30% คืนคลัง ช่วยรัฐบาลแก้โควิด เลื่อนจัดซื้อรถเกราะStryker ไปปี 64-65 ทบ.ยันต้องเดินหน้าจัดซื้อรถเกราะ เพราะเป็นโครงการต่อเนื่อง ที่ทางสหรัฐฯ ช่วยกองทัพไทย
มีรายงานจากกองทัพบก ถึงกรณีมีการเผยแพร่เอกสารของกรมสรรพาวุธ เกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ ติดอาวุธ 50 คันด้วยงบประมาณ 4.5 พันล้าน เป็นการจัดซื้อตามโครงการความช่วยเหลือทางการทหาร Foreign Military Sales -FMS จากสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ขอให้ กองทัพ ตัดงบประมาณ ปี 2563 เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบโควิด-19
โดยแหล่งข่าวกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ตัดงบประมาณปี 2563 ของกองทัพบกแล้วกว่า 30% ตามที่รัฐบาลสั่งให้นำเงินคืนคลัง เพื่อให้รัฐบาลนำงบประมาณมา ช่วยแก้ปัญหาจากโควิด-19 โดยมีการชะลอโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ไปหลายโครงการ
โดยเฉพาะได้ชะลอการจัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ ที่เดิมทีเป็นโครงการในปีงบประมาณ 2563 ไปเป็นโครงการของปีงบประมาณปี 2564 และงบประมาณปี 2565 ส่วนกรณีประกาศที่กรมสรรพาวุธออกมาเผยแพร่ดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแผนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของปี 2563 ไม่ใช่การใช้งบฯปี 2563
สำหรับเหตุผลที่ไม่สามารถยกเลิกโครงการจัดซื้อรถเกราะล้อยางStryker จำนวน 50 คันได้นั้น แหล่งข่าวกองทัพบก ระบุว่า เพราะเป็นโครงการต่อเนื่องและเป็นการจัดซื้อระบบ FMS เป็นไปตามความช่วยเหลือทางทหารกับสหรัฐอเมริกาที่เข้า สภาคองเกรสของสหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว และ จัดซื้อรถเกราะสไตร์เกอร์ 50 คันแต่ทางสหรัฐฯให้เพิ่มอีก 30 คัน รวมทั้งโครงการกองทัพบกจะได้รถเกราะจำนวนกว่า 130 คัน เมื่อรวมกับที่สหรัฐฯให้ความข่วยเหลือเพิ่มเติมในฐานะที่ไทยกับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์อันดีทางทหารมายาวนาน จึงได้รับการช่วยเหลือทั้ง รถเกราะ รถติดปืน ค.120 มม. รถพยาบาล รถผู้บังคับบัญชา และ รถลาดตระเวน จึงต้องเดินหน้าโครงการต่อ รวมถึงโครงการนี้ผ่านการอนุมัติจาก ครม.ไปแล้ว
แหล่งข่าวกองทัพบก ยืนยันว่าโครงการจัดซื้อรถเกราะเป็นไปอย่างโปร่งใส และดีที่สุด และเป็นไปเพราะความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพไทยกับสหรัฐฯ.-สำนักข่าวไทย