ทำเนียบรัฐบาล 21 เม.ย.-โฆษก ศบค.แถลงวันนี้ผู้ป่วยใหม่ 19 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ใช้วิธีการรับมือกรณีแรงงานต่างด้าวของสิงคโปร์มาปรับใช้ มี อสม.ต่างด้าวดูแล
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (21 เม.ย.) มีรายงานผู้ป่วยใหม่ 19 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,811 ราย รักษาหาย 2,108 ราย รักษาตัวอยู่ 655 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิต รวม 48 ราย โดย ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายไทยอายุ 50 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ มีโรคประจำตัว คือเบาหวานชนิดที่สองที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีและสูบบุหรี่ ประวัติเสี่ยงคือรับ-ส่งผู้โดยสาร ไปดูมวยที่สนามมวยลุมพินี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยอาการหายใจลำบาก ไข้ต่ำ ๆ ไอ เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และรับยากลับไปรับประทานที่บ้าน จากนั้นอาการไม่ดีขึ้น จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคม ด้วยอาการไข้สูง 39.5 องศาเซลเซียส ปวดเมื่อยตามตัว หายใจลำบาก เสมหะเพิ่มขึ้น ตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 จากนั้นอาการแย่ลงและเสียชีวิตวานนี้(20 เม.ย.)
โฆษกศบค. กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 19 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 10 รายไปสถานที่ชุมนุมชน 2 ราย อาชีพเสี่ยง 1 ราย พิธีกรรมทางศาสนา 1 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 4 ราย โดยแบ่งเป็นที่จังหวัดยะลา 2 รายและตรวจก่อนทำหัตถการ 2 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักกันของรัฐ 1 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,811 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,447 รายและมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 3 ราย ภูเก็ต 192 ราย นนทบุรี 152 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 95 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย
“เมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน ที่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้แล้ว พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.69 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 25.57 ยะลา ร้อยละ 19.28 ปัตตานี ร้อยละ 12.61 และนนทบุรี ร้อยละ 12.10 แต่ตัวเลขของจังหวัดสตูลที่น่าสนใจ คือ อัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคนอยู่ที่ ร้อยละ 5.58 คือ มีผู้ป่วยจำนวน 19 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ซึ่งจังหวัดสตูลไม่มีตัวเลขของผู้ป่วยในจังหวัดเลยแม้แต่รายเดียว ดังนั้น จะมี 10 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วย ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทองและสตูล” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษกศบค. กล่าวว่า มี 36 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใหม่ ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 5-18 เมษายน 2563 ได้แก่ เชียงราย เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี จันทบุรี นครนายก บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ราชบุรี ลพบุรี ลำพูน ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม สระบุรี สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ ระยอง ตาก ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา สกลนคร สุรินทร์ สระแก้ว อุบลราชธานี และสุพรรณบุรี
“เมื่อจำแนกจำนวนผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยง ในสองสัปดาห์ล่าสุด พบว่ากลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ มีมากที่สุด 291 ราย ผู้ป่วยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 71 ราย อาชีพเสี่ยง 39 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 24 ราย และบุคลากรทางการแพทย์ 24 ราย และเมื่อจำแนกผู้ป่วยยืนยันตามอาชีพ 5 อันดับสูงสุด คือ รับจ้างทั่วไปและฟรีแลนด์ ค้าขายและธุรกิจส่วนตัว พนักงานบริษัทและโรงงาน พนักงานในสถานบันเทิงนักเรียนและนักศึกษา” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 2,481,287 ราย เสียชีวิต 170,436 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 792,759 ราย เสียชีวิต 42,514 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 55 ของโลก โดยสิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 1,426 รายในวันเดียว โดยพบว่ามีความสัมพันธ์กับแรงงานและคนต่างด้าว ซึ่งประเทศสิงคโปร์มีตัวเลขแรงงานต่างด้าวกว่า 3 แสน 2 หมื่นคน อาศัยอยู่ตามหอพักต่าง ๆ 43 แห่ง แต่ละแห่งมีผู้อาศัยถึง1,000 คน แต่ละห้องอาศัยอยู่ประมาณ 12-20 คน พบจำนวนผู้ติดเชื้อจาก 1,000 รายเมื่อวันที่ 1 เมษายน เพิ่มเป็น 5,992 รายในวันที่ 18 เมษายน ซึ่งเป็นการติดเชื้อในวงกว้างที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
“ทางการสิงคโปร์เร่งดำเนินการมาตรการล็อคดาวน์หอพักของแรงงานทุกแห่ง พร้อมตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลแรงงานเพื่อหยุดการแพร่ระบาด ไม่ให้เคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวระหว่างหอพักด้วยกัน และจัดการการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อป้องกันการเผยแพร่เชื้อ โดยแรงงานจะได้รับค่าจ้างระหว่างกักตัว มีทีมสถานพยาบาลไปดูแล เมื่อแรงงานที่หายดีและผู้ที่มีผลเลือดเป็นลบจะเคลื่อนย้ายไปอยู่บนเรือ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
โฆษกศบค. กล่าวว่า ในส่วนแรงงานต่างด้าวในไทย กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวว่ามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร พร้อมเน้นย้ำเรื่องการรักษาระยะห่างทางสังคมและการรักษาความสะอาด รวมถึงส่งเสริมให้มีพนักงานสาธารณสุขต่างด้าวและอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าวทำหน้าที่คล้ายกับอสม.เพื่อดูแลซึ่งกันและกัน คาดหวังว่าสิ่งที่ไทยได้เรียนรู้จากสิงคโปร์จะนำมาช่วยป้องกันและเป็นมาตรการควบคุมต่อไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 693 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 65 ราย และวันนี้จะมีเที่ยวบินนำคนไทยจากประเทศไต้หวัน 120 คน ประเทศญี่ปุ่นมีสองเที่ยวบิน จำนวน 80 คน และ 20 คนกลับมา ส่วนการจัดส่งหน้ากากอนามัย N95 ทั่วประเทศแล้วจำนวน 138,940 ชิ้น และชุดป้องกัน PPE SET 39,719 ชุด
“วานนี้(20 เม.ย.) โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าเปิดตัวหอผู้ป่วยพักรวม ในลักษณะห้องไอซียูความดันลบ โดยต้องใช้ระบบอากาศสด ๆ หรือ Fresh air 100% ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นการนำตึกเก่าที่สภาพดีมาปรับปรุงใหม่ เพื่อเป็นหอพักผู้ป่วยที่อาการไม่หนักมาก สามารถอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งต้องชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน จะช่วยกันดูแลผู้ป่วยให้รักษาหายและไม่ติดต่อผู้อื่นด้วย” โฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย