คณะที่ปรึกษาฯ เสนอนายกฯ เคาะมาตรการช่วยเหลือธุรกิจ

สภาพัฒน์ 20 เม.ย. – คณะที่ปรึกษาฯ เสนอมาตรการช่วยเหลือด้านธุรกิจ ยกเว้นภาษีเอสเอ็มอี 3 ปี ลดเงินสมทบประกันสังคมนายจ้างจากร้อยละ 4 เหลือร้อยละ 1 ช่วง 6 เดือน เลื่อนเก็บภาษีที่ดินฯ 1 ปี  พร้อมพิจารณารายจังหวัดพื้นที่สีเขียวทดลองเปิดกิจการ 2 เดือน เสนอชดเชยเกษตรกร 8-9 ล้านครัวเรือน 5 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งกองทุนร่วม 5 หมื่นล้านบาท ฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร 



นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานการประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 2  เพื่อข้อสรุปจากคณะทำงาน 5 กลุ่ม โดยมีหน่วยงานหลายฝ่ายเข้าร่วมประชุม เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อเสนอมาตรการทางเศรษฐกิจให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาวันนี้อย่างเร่งด่วน ทั้งการผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลนท์) ให้กับภาคเอกชน เอสเอ็มอี การพิจารณากลับมาเปิดธุรกิจของสถานประกอบการในพื้นที่สีเขียวหรือมีความเสี่ยงต่ำ แนวทางช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเร่งด่วน การวางแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งมีทั้งมาตรการระยะสั้น เริ่มนำมาใช้ทันที และระยะยาว ซึ่งต้องหารือกับหลายหน่วยงานเพิ่มเติม 


นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า คณะทำงานได้เสนอมาตรการหลายด้าน โดยเฉพาะกลุ่มช่วยเหลือเอสเอ็มอีเป็นกลุ่มสำคัญและประชาชนทั่วไป ประกอบด้วย 1. มาตรการด้านประกันสังคม เสนอลดเงินสมทบประกันสังคมนายจ้างจากร้อยละ 4 เหลือร้อยละ 1 เป็นเวลา 180 วัน  2.มาตรการทางภาษี เสนอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลกับเอสเอ็มอี 3 ปี (ปี 2563-2565)  มีเงื่อนไขต้องเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว การยื่นแบบภาษีผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เพราะคาดว่าช่วง 3 ปี เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังประสบปัญหาขาดทุน  และการเปิดให้เอกชนนำค่าใช้จ่ายค่าป้องกันปัญหาโควิดนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่า การลดค่าเช่าแผง ร้านเช่า หักภาษีได้ 3 เท่า การเลื่อนจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไป 1 ปี การลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือร้อยละ 0.01  

3.มาตรการด้านสาธารณูปโภค ขอเลื่อนจ่ายค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ออกไป 6 เดือน และขอให้ลดราคาลงอีกร้อยละ 5 เพราะช่วงประชาชนอยู่บ้านค่าบริการสาธารณูปโภคสูงมาก 4.การอนุญาตให้จ้างงานเป็นรายชั่วโมง ในอัตรา 40-41 บาท จ้างขั้นต่ำ 4-8 ชั่วโมง 5.การผ่อนผันต่อใบอนุญาตแรงงานต่างชาติออกไป 6 เดือน  6.การช่วยเหลือแรงงานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท  รัฐจ่ายชดเชยให้ร้อยละ 50 บริษัทเอกชนจ่ายร้อยละ 25 ของค่าจ้าง 7.กรณีบริษัทที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ขอให้รัฐชดเชยการเลิกจ้างพนักงานระยะเวลา 3 เดือน และให้นำเงินบริจาคแก้ปัญหาโควิด-19 เต็มจำนวนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อจูงใจให้เอกชนร่วมบริจาคป้องกันปัญหาโควิด-19 กับวงการแพทย์ 


นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า  หลังจาก พ.ร.ก.เงินกู้ มีผลบังคับใช้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จึงนำเงินออกมาปล่อยซอฟท์โลน วงเงิน 500,000 ล้านบาท เพื่อให้แบงก์ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 2 เป็นเวลา 2 ปี ส่วนช่วง 6 เดือนแรกไม่ต้องชำระหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ย สำหรับภาคธุรกิจเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้สถาบันการเงินกระจายวงเงินให้ลูกหนี้ทุกระดับของเอสเอ็มอีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ กระจายวงเงินครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และการให้วงเงิน ไม่จำกัดเฉพาะลูกหนี้ชั้นดีของสถาบันการเงินเท่านั้น  ผ่อนปรนเงื่อนไขและแนวทางการพิจารณาวงเงินสินเชื่อซอฟท์โลนให้กับผู้ประกอบการของ ธปท.กระจายไปถึงผู้ประกอบการรายย่อย โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียม เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันส่วนสูญเสียจากเดิมแก่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้เสนอมาตรการเพื่อการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่ ได้แก่ มาตรการในการปรับพฤติกรรมของประชาชน โดยกำหนดแนวทางการปฏิบัติของประชาชนและสถานที่ให้บริการ การเปิดดำเนินธุรกิจต้องดูตามความเสี่ยงของสถานประกอบการ และพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น สถานประกอบการมีความเสี่ยงต่ำอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำอาจพิจารณาเปิดให้บริการได้ตามมาตรการที่กำหนด ขณะที่สถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูงและอยู่ในจังหวัดที่มีความเสี่ยงสูงจะไม่พิจารณาเปิดให้บริการ ด้วยการคัดเลือกมาทดลอง 2-3 จังหวัด ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยผ่านความเห็นชอบจากสาธารณสุข จากนั้นค่อยขยายไปยังจังหวัดสีเขียว-เหลือง ช่วงเวลา 1 เดือน หากพื้นที่ใดมีความเสี่ยงสูงสีแดง คงยังไม่ได้รับการพิจารณา เช่น กทม. และจังหวัดใกล้เคียง โดยต้องมีกระบวนการอนุญาตและติดตาม เช่น การลงทะเบียนสำหรับสถานประกอบการ การติดตามตรวจสอบโดยภาครัฐระดับท้องถิ่นและจังหวัด การรายงานของภาคประชาชนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ภาครัฐและท้องถิ่นต้องจัดทำแผนการสื่อสารไปสู่ประชาชนและสถานประกอบการให้รับทราบถึงข้อปฏิบัติอย่างชัดเจน คณะทำงานร่วมในการดำเนินการ ประกอบด้วย ภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคสังคมและวิชาการ เพื่อหารือรายละเอียดกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข

นายวีระ วีระกุล รองประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) เปิดเผยว่า  ข้อเสนอมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล (Digital Solution) ได้แก่ ควบคุม ป้องกัน และรักษา เช่น การจัดทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ความต่อเนื่องธุรกิจ เช่น แก้กฎหมายเพื่อรองรับการจัด E-Gov Digital ID การจ้างงานและพัฒนาคน มาตรการสนับสนุนผู้จนการศึกษาใหม่ คนว่างงาน และรักษาการจ้างงานในปัจจุบัน เพื่อเปิดให้คนรุ่นใหม่มาฝึกอาชีพในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล หลังเกิดปัญหาไวรัสโควิด  ความมั่นใจตลาดเงินและทุน เช่น การเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ และการช่วยเหลือ Digital Startup, SME เศรษฐกิจใหม่ เช่น Smart farming และ E-commerce โครงสร้างขับเคลื่อนยามวิกฤติ เช่น การปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงการลงนามลายเซ็นทางอิเล็กทรอนิกส์ เพราะช่วงนี้ภาคธุรกิจหันมาใช้งานออนไลน์มากขึ้น เพื่องานของทุกหน่วยงานเดินทางได้ในช่วงโควิด-19 

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เสนอมาตรการเพื่อภาคเกษตร ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น ได้แก่ การเยียวยาให้กับเกษตรกร ครัวเรือนละ 5,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน การพักหนี้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการ ระยะเวลา 1 ปี การปรับโครงสร้างหนี้และขยายเวลาชำระหนี้จากการเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร การจัดให้มีช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ การสนับสนุนและจัดระบบการขนส่งผลผลิตการเกษตร การส่งออกผ่านพรหมแดนประเทศเพื่อนบ้าน และการใช้ Big Data ในการติดตามสถานการณ์ภาคเกษตร นอกจากนี้ ยังเสนอให้ดึงไปรษณีไทย์ช่วยขนส่งสินค้าราคาถูก หรือลดราคาร้อยละ 50  เพื่อส่งสินค้าเกษตรแต่มีน้ำหนักกระจายไปทั่วประเทศ

สำหรับมาตรการระยาว ต้องหารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบอีกครั้ง ได้แก่ การปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ่านกองทุนร่วมทุนเกษตรกร 50,000 ล้านบาท ด้วยการดึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กลุ่มสหกรณ์ระดมทุน เพื่อเติมทุนให้รายย่อย   การพัฒนานักธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตผ่านกลไกการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม เพราะต้องใช้โอกาสนี้พัฒนาลูกหลานที่เดินทางกลับไปอยู่บ้านช่วงโควิด-19 มาพัฒนาอาชีพเกษตรกร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยอย่างชัดเจน ซึ่งกองทัพจะนำปัญหาเข้าสู่ที่ประชุม JBC เพื่อให้รัฐบาลกัมพูชาแก้ไขและรับผิดชอบต่อประชาชนของตนเอง หากไม่ดำเนินการ ไทยมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะขับไล่ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ตามหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรม ก่อนที่ช่วงบ่าย คณะเสนาธิการทหาร ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ร่วมกับคณะ […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ภายหลัง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เข้าร่วมสอบปากคำ พระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และ หมอบี ล่าสุด มีรายงานว่า หลวงพ่ออลงกต ยินยอมจะขอลาสิกขาจากเพศบรรพชิตแล้ว เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยอดีตพระอลงกต ถูกจับกุมเมื่อช่วงตี 1 ที่ผ่านมา ตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหายักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และฟอกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ด้าน “แพทองธาร” หวังกลับมาทำงาน

ทำเนียบ 26 ส.ค.- ครม.ให้กำลังใจนายกฯ ขอ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี ด้าน “แพทองธาร” หวังได้กลับมาทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เป็นครั้งแรก ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสีหน้าสดใส โดยระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญ เช่น การพิจารณารายชื่อนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 69 ประจำปีการศึกษา 2569 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) หรือ มินิ วปอ. ได้สอบถามและให้ความคิดเห็นในรายชื่อของนักศึกษาบางคน ทั้งนี้ ก่อนปิดการประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ประชุมฯ ได้เป็นตัวแทนรัฐมนตรีทุกคนกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี และขอให้วันที่ 29 ส.ค.นี้ ได้รับข่าวดี นอกจากนี้ ข้าราชการที่เข้าร่วมประชุม […]

“ณัฐพล” สั่งแจ้งเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อลวดหนาม

ทำเนียบ 26 ส.ค.- “ณัฐพล” ฮึ่ม สั่งกองทัพ-ปชช.แจ้งความเอาผิดกัมพูชา ทำร้ายร่างกาย-รื้อรั้วลวดหนามที่บ้านหนองจาน ด้าน กต. ทำหนังสือประท้วง ย้ำ เป็นอธิปไตยของไทย เตรียมนำปัญหาทั้งหมดคุยวง GBC ก.ย.นี้ ย้ำหน่วยพื้นที่ยิงตอบโต้ได้ทันที ตามกฎการใช้กำลัง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนามและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ของไทย บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูงจังหวัดสระแก้ว ว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว จะมาพบกับประชาชนที่บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน ทำให้เจ้าหน้าที่นำรั้วลวดหนามมาวางเพิ่มเติม เพราะกังวลว่าชาวกัมพูชาจะมารบกวน จึงทำให้ชาวกัมพูชาตั้งใจจะมารื้อในส่วนที่เป็นรั้วเพิ่มเติม ไม่ใช่ส่วนที่วางไว้ตั้งแต่เดิม จึงได้ให้คำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ไปว่า เป็นการปักในพื้นที่ประเทศไทย จะมาทำอย่างนี้ไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอาญา ซึ่งกองทัพภาคที่หนึ่งหรือกองกำลังบูรพาก็สามารถดำเนินการ แจ้งความข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการได้ ซึ่งตนเองได้ย้ำว่าจะต้องไม่มีภาพแบบเมื่อวานเกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรับไม่ได้ พลเอกณัฐพล ยอมรับว่าการนำชาวบ้านมากดดันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมากขึ้น จึงมอบหมายให้ทำหนังสือประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ที่ไม่สามารถมาทำเช่นนี้ได้ ส่วนการปฏิบัติการ จะใช้มาตรการเดียวกับการปราบปรามการชุมนุมหรือไม่ พลเอกณัฐพล กล่าวว่า การปฏิบัติการจะเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นแรกได้ใช้ เครื่องแอลแรท (LRAD) ไปแล้ว เราต้องเตรียมกำลังเพิ่มเติม โดยจะพิจารณาใช้กำลังตำรวจ เพราะหากใช้กำลังทหารจะรุนแรงเกินไป […]