BIG STORY : ผู้ป่วยโควิด-19 กับโอกาสกลับมาติดเชื้อซ้ำ

กทม. 18 เม.ย. – นักวิจัยเชื้อไวรัสโควิด-19 ของไทย ที่ศึกษางานวิจัยจากจีน พบเคสผู้ป่วยในจีนที่รักษาหายแล้วหลายราย แต่ไม่นานกลับตรวจพบเชื้อโควิด-19 ซ้ำอีก คาดอาจเกิดจากผลลบเทียม หากปล่อยผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ อาจแพร่เชื้อได้อีก


หลายประเทศเริ่มพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วกลับมาป่วยซ้ำอีก เช่น ที่เมืองแทกู เกาหลีใต้ มีผู้ป่วยกว่า 50 คน กลับมาป่วยซ้ำสอง ในไทยก็พบกรณีหญิงวัย 38 ปี ชาวชัยภูมิ ที่หายป่วยแล้ว แต่ตรวจเจอเชื้อซ้ำอีก สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่ายถึงพัฒนาการของโรคนี้


ดร.เยาวลักษณ์ มะปราง รสหอม อาจารย์คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนักวิจัยโครงการ “สนับสนุนข้อมูลวิจัยเชิงลึกด้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ (สกสว.) ศึกษาผลวิจัยจากจีนในเคสผู้ป่วยโควิดที่กลับมาป่วยซ้ำ  


การศึกษาแรก เก็บข้อมูลผู้ป่วยโควิด 172 คน ที่รักษาหายและได้กลับบ้าน ช่วง 23 มกราคม – 21 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีผลซีทีสแกนปอดดีขึ้น และทำการตรวจ PCR ไม่พบไวรัส 2 ครั้งในช่วงเวลาตรวจห่างกัน 24 ชั่วโมง แต่หลังกลับไปกักตัวต่อที่บ้าน มีการเก็บตัวอย่างจากทั้งช่องทวารหนัก คอหอย และหลังโพรงจมูกไปตรวจด้วยวิธี PCR ทุก 3 วัน พบผู้ป่วย 14.5% กลับมาเป็นโรคโควิดซ้ำ โดยพบไวรัสจากตัวอย่างที่เก็บจากช่องทวารหนัก 14 คน จากคอหอยและหลังโพรงจมูกอีก 11 คน รวมเป็น 25 คน จากทั้งหมด 172 คน ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ปี ใช้เวลารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 12-18 วัน และได้รับยาต้านไวรัสเหมือนกับผู้ป่วยรายอื่น ระยะเวลาที่ตรวจพบเชื้อหลังออกจากโรงพยาบาลเฉลี่ย 1-10 วัน 

อีกผลการศึกษา เจาะลึกลงไปที่ผู้ชายอายุ 54 ปี รักษาโดยการให้ออกซิเจน ฮอร์โมน และยา เมื่ออาการดีขึ้นและตรวจไม่พบเชื้อไวรัสจากการเก็บตัวอย่างบริเวณคอ 2 ครั้งติดต่อกัน ในช่วงเวลาตรวจห่างกัน 24 ชั่วโมง จึงย้ายไปสังเกตอาการที่หน่วยกักกัน แต่หลังจากนั้น 5 วันก็ตรวจพบไวรัสอีกครั้งในทวารหนักและเสมหะ และมีผลตรวจเป็นบวกต่อเนื่องไปอีก 16 วัน 

ส่วนการศึกษาที่ 3 วิเคราะห์ผู้ป่วยหญิงอายุ 46 ปี ที่มีไข้ ปอดอักเสบ รักษาด้วยยาต้านจุลชีพ ผลตรวจเชื้อจากตัวอย่างที่เก็บจากคอหอยเป็นลบ 2 ครั้งติดต่อกัน โดยการตรวจแต่ละครั้งห่างกัน 48 ชั่วโมง แต่ 3 วันถัดมา ผลตรวจกลับเป็นบวกอีกครั้ง และหลังจากนั้นผลตรวจก็กลับไปเป็นลบต่อเนื่อง

การศึกษาทั้ง 3 กรณีในผู้ป่วยจีน ค่อนข้างชี้ชัดว่าการตรวจพบเชื้อซ้ำในผู้ป่วยที่รักษาหายดีแล้ว น่าจะเกิดจากผลลบเทียมของการตรวจครั้งก่อนหน้า จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ผลจากยาต้านไวรัสหรือฮอร์โมน ความไวของชุดตรวจ ตำแหน่งและประเภทตัวอย่างที่เก็บ รวมถึงวิธีการเก็บตัวอย่าง 

นักวิจัยเชิงลึกด้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเสนอให้เพิ่มระยะห่างช่วงเวลาการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง จาก 24 ชั่วโมง เป็น 48 ชั่วโมง วัดค่าดีไดเมอร์ในซีรัม ความเข้มข้นของเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ เพิ่มการตรวจหาเชื้อในตัวอย่างอื่นๆ เช่น เสมหะ อุจจาระ และเลือด และเพิ่มวิธีการตรวจแบบอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น ตรวจวัดแอนติบอดี ก่อนที่จะปล่อยตัวผู้ป่วยกลับบ้าน จากนั้นผู้ป่วยต้องกักตัวเองต่ออีก 14 วัน ป้องกันการกลับมาป่วยซ้ำและแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ไปสู่คนอื่น. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนรถบรรทุก

แพทย์หญิงดับสลด ขับชนท้ายรถบรรทุก

แพทย์หญิง ขับรถพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อ เสียชีวิตคาที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี มุ่งหน้าสะพานตากสิน ถนนกรุงธนบุรี ตรวจสอบในรถพบซองยาแก้หวัด-คัดจมูก

แสตมป์ถูกข่มขู่

โฆษก ทบ. พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​”

โฆษกกองทัพบก พร้อมให้ความเป็นธรรม​​ “แสตมป์​-​ภรรยา​” ถูกนายพลข่มขู่​ ขอข้อมูลเพิ่มตรวจสอบอยู่ในประจำการหรือไม่​ ลั่น​ หากยังรับราชการถือผู้วินัยร้ายแรง​แม้เป็นเรื่องส่วนตัว​

ข่าวแนะนำ

ชมความงามอุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่งขุนวาง

ตามยอดดอยหลายแห่งทางภาคเหนือ เริ่มกลายเป็นดอยสีชมพูจากดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย รวมทั้งอุโมงค์นางพญาเสือโคร่ง ในศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ขุนวาง จ.เชียงใหม่

ผงะ! ช่างรับเหมารีโนเวทบ้านพบระเบิดลูกเกลี้ยง 3 ลูก ซุกบ้านร้าง

ช่างรับเหมารีโนเวทบ้านร้าง ผงะ! พบระเบิดลูกเกลี้ยง 3 ลูก ซุกซ่อนในบ้าน แจ้งสายตรวจ สน.ลาดพร้าว ประสานอีโอดีเก็บกู้ด่วน พบสภาพพร้อมใช้งาน 1 ลูก

“ติ๊ก ชีโร่” กราบศพ “น้องจูเนียร์” พ่อเผยพร้อมเจรจาเรื่องเยียวยา

“ติ๊ก ชีโร่” เดินทางเข้ากราบศพ “น้องจูเนียร์” ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า พ่อเผยพร้อมเจรจาเรื่องเยียวยา ส่วนคดีปล่อยไปตามขั้นตอนกฎหมาย

ดารา-นายแบบจีนขอบคุณ ตร.ไทย ช่วยกลับประเทศปลอดภัย

ดาราและนายแบบจีนขอบคุณตำรวจไทยช่วยเหลือกลับประเทศโดยปลอดภัย ด้านจเรตำรวจแห่งชาติ เตรียมดำเนินการตามกฎหมายกับสื่อต่างประเทศนำเสนอ Fake News