กรุงเทพฯ
18 มี.ค.-“กสิกรไทย”ประเมินกรอบการสัปดาห์ 32.30-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,200 และ 1,185 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,250 และ 1,265 จุด โดยตามติดก.พาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออก
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จำกัด รายงานว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่ขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์
โดยกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ดี
เงินบาทสามารถฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงกลาง–ปลายสัปดาห์ มีแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ
ของผู้ส่งออก ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันให้อ่อนค่าลงท่ามกลางความหวังว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19
ในหลายๆ ประเทศจะเริ่มชะลอลง ซึ่งอาจนำไปสู่การเตรียมแผนที่จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
ในวันศุกร์
(17 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.54 เทียบกับระดับ 32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 เม.ย.)
ด้าน หุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนตลอดสัปดาห์ โดยดัชนี SET
ปิดที่ระดับ 1,239.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.91% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่
62,786.08 ล้านบาท ลดลง 23.72% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น
1.66% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 240.38
จุด
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์
หลังการระบาดของไวรัสโควิด-19
มีสัญญาณชะลอตัวในหลายประเทศซึ่งรวมถึงไทยด้วย ก่อนจะร่วงลงในช่วงกลางสัปดาห์
ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่าจีดีพีโลกปีนี้จะหดตัวลง 3.0% (ส่วนจีดีพีไทยจะหดตัวถึง 6.7%) ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ ขานรับข่าวการเตรียมเปิดเศรษฐกิจในหลายประเทศ
สัปดาห์ถัดไป
(20-24 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่
32.30-32.80 บาทต่อดอลลาร์ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย
จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,200 และ 1,185 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,250 และ 1,265 จุด
ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกของไทยเดือนมี.ค.
และการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/63 ของบริษัทจดทะเบียนไทย
สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงความคืบหน้าของการเปิดเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง
และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. รวมถึงดัชนี PMI Composite
(เบื้องต้น) เดือนเม.ย. ขณะที่
ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น –สำนักข่าวไทย