“โควิด-19”ฉุดการใช้พลังงานลดฮวบ





กรุงเทพฯ
18 เม.ย. –ก.พลังงานประเมินสถานการณ์วิกฤตโควิด-19
ส่งผลยอดใช้พลังงานลดลงทุกประเภทล่าสุดเดือน เม.ย.ยอดใช้กลุ่มดีเซลหดตัว 12.
% เมื่อเทียบกับ มี.ค. สนธิรัตน์เร่งทุกหน่วยงานเฟ้นมาตรการช่วยประชาชนลดรายจ่าย
–กระตุ้นลงทุน-จ้างงาน

นายสนธิรัตน์
สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า
กระทรวงพลังงานได้ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
ที่มีต่อภาคพลังงานพบว่า 
ในระยะสั้นส่งผลต่อความต้องการใช้ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นผลมาจากการกำหนดมาตรการที่จำกัดการเดินทาง
การกำหนดระยะห่างทางสังคม และการระงับการโดยสารทางอากาศ ส่วนผลกระทบในระยะกลาง
จะทำให้ความต้องการพลังงานลดลงตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง

ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
ความต้องการใช้ช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ปี2563เปรียบเทียบปี 2562การใช้น้ำมันเบนซินลดลง
5.3%โดยมียอดเฉลี่ย 30.5 ล้านลิตร/วัน และหากเปรียบเทียบยอดใช้ถึงกลางเดือน เม.ย.ที่มียอดใช้เฉลี่ย
23.1 ล้านลิตร/วัน เปรียบเทียบ กับ มี.ค.2563ที่มียอดใช้ 28 ล้านลิตร/วัน พบว่ามีปริมาณลดลงถึง
17.5%  ส่วนน้ำมันกลุ่มดีเซลแม้ว่าช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่
64.4 ล้านลิตร/วัน แต่เมื่อเทียบกลางเดือนเม.ย.ที่มียอดใช้ 56.1 ล้านลิตร/วัน กับเดือน
มี.ค.ที่มียอดใช้ 64 ล้านลิตร/วันพบว่า ลดลงถึง 12.3%


ด้านการใช้ไฟฟ้า
ช่วงเดือน ม.ค.- 13 เม.ย. 2563
มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นเพียง 1.55%
เนื่องจากความต้องการใช้ในเดือน มกราคม ยังมีสัดส่วนเติบโตสูงมาก
จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อนการระบาดของโรค โควิด-19  อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2563
ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะลดลง 0.69% เมื่อเทียบกับปี 2562 มีความต้องการใช้ราว
196,873 ล้านหน่วย และความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีคไฟฟ้าจะลดลง 2.9%
เหลือเพียง 29,957 เมกะวัตต์

สำหรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติ
ในไตรมาสแรกปีนี้ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2562  อยู่ในระดับคงที่
4,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่คาดว่าตั้งแต่
เม.ย. จนถึงสิ้นปี 2563 ความต้องการใช้ก๊าซฯเมื่อเทียบกับแผนเดิมจะมีแนวโน้มลดลงเฉลี่ยประมาณ
557 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือลดลง 12%
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันในตลาดโลก
ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่ลดลงส่วนใหญ่คาดว่าจะมาจากความต้องการใช้ที่ลดลงของ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ
(
GSP) ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่ 254 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่
152 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และภาคไฟฟ้า
ที่มีปริมาณการใช้เฉลี่ยที่
126
ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

 วันนี้กระทรวงพลังงานทำงานอย่างหนัก เราไม่เคยหยุดนิ่งเลย
เราระดมทุกเครื่องมือและทุกสรรพกำลังในการต่อสู้กับโควิด-19ร่วมกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยทั้งประเทศอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากจะดูแลสถานการณ์ด้านพลังงานอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ
กับพี่น้องประชาชนแล้ว ผมยังได้สั่งการให้ผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเตรียมงานและมาตรการต่างๆ
ออกมารองรับและช่วยเหลือประชาชนในด้านพลังงานในทุกมิติ
และทุกแง่มุมซึ่งจะทำทั้งในช่วงเวลานี้และในช่วงหลังวิกฤตการณ์โควิด-19
จบสิ้นลงแล้ว โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม”นายสนธิรัตน์กล่าว-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน