เตรียมพิจารณาผ่อนคลายล็อกดาวน์

กรุงเทพฯ 18 เม.ย.- ศบค.เตรียมพิจารณาผ่อนคลายมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกได้เตือนว่า การกลับมาใช้ชีวิตปกติที่เร็วเกินไปอาจทำให้ “โควิด-19” อาจกลับมาระบาดอีกระลอก


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเรียกร้องให้ผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ภายหลังจากที่ตัวเลขผู้ป่วยลดลงและประสบปัญหาเศรษฐกิจ โดยองค์การอนามัยโลก( WHO) ออกมาเตือนว่าการกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติในหลายประเทศอาจจะยังเร็วเกินไป และการพยายามพลิกฟื้นเศรษฐกิจอาจจะนำไปสู่การระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง 

WHO กำหนดปัจจัยยกเลิกล็อกดาวน์ จะต้องพิจารณาดังนี้ ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคภายในประเทศได้แล้ว ระบบสุขภาพต้องสามารถตรวจหาผู้มีอาการของโรค ตรวจหาเชื้อ แยกตัวและทำการรักษา พร้อมทั้งทำการสอบสวนโรค มีความเสี่ยงระดับน้อยที่สุดในสถานที่เสี่ยงมากที่สุดเช่น บ้านพักคนชรา โรงเรียนสำนักงานและสถานที่สาธารณะต้องมีมาตรการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพ สามารถจัดการความเสี่ยงของโรคจากผู้ที่เดินทางเข้าประเทศได้ และที่สำคัญคนในชุมชนต้องมีความรู้ มีส่วนร่วมและได้รับการสนับสนุนให้มีชีวิตอยู่ภายใต้สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการเกิดโรค


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีหลายเรื่องประเทศไทยสามารถจัดการและดูแลได้ แต่การผ่อนคลายต่าง ๆ ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งขณะนี้มีการประชุมเพื่อเตรียมข้อมูลจากทั้งบุคลากรทางการแพทย์ นักวิชาการ ฝ่ายปกครอง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.

“ตัวอย่างการผ่อนคลายมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ เช่น การเปิดร้านตัดผม จะต้องจัดที่นั่งที่นอนสระผมให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ไม่ให้มีที่นั่งรอในร้าน ใช้บริการไม่เกิน 2 ชั่วโมง โดยไม่มีบริการอื่น ๆ เช่นทำเล็บ งดเว้นบริการที่ต้องใช้อุปกรณ์ร่วมกันที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ พนักงานต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือทุกครั้งที่ให้บริการ ให้พนักงานหยุดงานเมื่อมีอาการไข้ อาการทางเดินหายใจ รวมถึงต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์บริเวณทางเข้าร้าน


ส่วนตัวอย่างการเปิดห้างสรรพสินค้าจะต้องเปิดร้านที่มีบริเวณชัดเจน เป็นร้านที่มีความจำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น ร้านโทรศัพท์ ธนาคาร เครื่องใช้ไฟฟ้า จัดที่นั่งรอรับบริการห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ทยอยขยายการเปิดร้านทุกสัปดาห์เมื่อไม่พบผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับห้าง จำกัดจำนวนคนเข้าไม่เกิน 1 คนต่อตารางเมตร หรือจำกัดระยะเวลาจอดรถ ไม่จัดกิจกรรมที่ให้คนรวมตัวกัน โซนอาหาร จัดที่นั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร คัดกรองและอนุญาตเฉพาะผู้สวมหน้ากากเท่านั้นเข้าห้างได้ 

“ตัวอย่างเหล่านี้ หากทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติตัวใหม่อย่างเคร่งครัด ทั้งการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การเว้นระยะห่างทางสังคม และถ้าสามารถทำได้ ภาครัฐจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงและค่อย ๆ ผ่อนคลายมาตรการลง ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะพิจารณาและสรุปเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง 

นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกแนวโน้มสถานการณ์โรค “โควิด-19” ดีขึ้น ฉะนั้น ยังประมาทไม่ได้ โดยต้องดูปัจจัย 3 ข้อหลัก  1.อัตราการป่วยรายใหม่ที่ต้องลดลงต่อเนื่อง 14 วัน 2.ผู้ป่วยหนักไม่เพิ่มมากขึ้น 3. อัตราการเพิ่มเร็ว หรือช้าขึ้น ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ของโรคสงบลงหรือไม่ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนของสถานการณ์หลังวันที่ 30 เมษายนนี้ 

อย่างไรก็ตาม หากมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ประชาชนในสังคมยังต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยพื้นฐานของตนเองไว้ ทั้งการอยู่บ้านให้มากที่สุด ออกจากบ้านให้น้อยครั้ง โดยต้องมีระยะห่างระหว่างบุคคล 1-2 เมตร รวมถึงสวมหน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร