สรรพสามิต ตั้งทีมเฉพาะกิจจับกุมผลิตแอลกอฮอล์ผิดกฎหมายกว่า 95,000 ลิตร

กรุงเทพฯ 14 เม.ย. – กรมสรรพสามิตเปิดเผยปริมาณแอลกอฮอล์ที่ใช้ในระบบการผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค พร้อมทั้งมอบหมายให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศสำรวจจำนวนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในท้องตลาดว่ามีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนหรือไม่


นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มีแนวนโยบายให้กรมสรรพสามิต ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้แอลกอฮอล์หรือสุราสามทับหากนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด โดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในอัตราภาษีศูนย์ของสุราสามทับ (แอลกอฮอล์) เพื่อเป็นการลดต้นทุนทางภาษีและให้มีปริมาณผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ในการเสริมสร้างความปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด 19 โดยการให้สิทธิทางภาษีในอัตราภาษีศูนย์ของสุราสามทับ (แอลกอฮอล์) ซึ่งจากการดำเนินการดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้มาขอซื้อแอลกอฮอล์จากผู้ผลิตโรงงานเอทานอล เป็นจำนวน ไม่น้อยกว่า 29 ล้านลิตร และได้นำออกจากโรงงานเพื่อใช้ในระบบ จำนวนไม่น้อยกว่า 21.9 ล้านลิตรแล้ว (6 มีนาคม – 13 เมษายน 2563)

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศสำรวจและรวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในท้องตลาดทั่วไป พร้อมทั้งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพสามิต โดยประชาชนสามารถเข้าดูได้ที่ www.excise.go.th ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากแหล่งจำหน่ายที่มีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม มาตรฐานและคุณภาพการผลิตของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก็ต้องเป็นไปตามที่ทางราชการกำหนด โดยกรมสรรพสามิตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เป็นเพียงข้อมูลใช้อ้างอิงเบื้องต้นเท่านั้น


อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวต่อว่าได้มอบหมายให้จัดทำแผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตโดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจจากสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบและปราบปรามสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตเพื่อนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สำหรับผลการตรวจค้นและจับกุม ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 13 เมษายน 2563 พบว่ามีการกระทำผิด จำนวน 23 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 7,177,796 บาท โดยมีของกลาง จำนวน 95,597 ลิตร

อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวทิ้งท้ายว่า กรมสรรพสามิตขอความร่วมมือประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 เพื่อให้สามารถก้าวผ่านภาวะวิกฤตนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม แอลกอฮอล์มีคุณลักษณะที่เป็นวัตถุไวไฟที่ควรต้องมีการจัดเก็บอย่างถูกต้อง โดยกรณีที่พบผู้กระทำผิดส่วนใหญ่จะจัดเก็บในบ้านพักที่สามารถพบเห็นได้โดยง่าย แต่อาจมีอันตรายจากการจัดเก็บไม่ถูกต้อง ดังนั้น เพื่อให้การผลิตแอลกอฮอล์เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย หากประชาชนท่านใดทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับการจัดเก็บหรือการผลิตและจำหน่ายสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์ที่ไม่ได้รับอนุญาต จากทางราชการ สามารถแจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ Call center 1713 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส