ทำเนียบฯ 14 เม.ย.- ศบค.ระบุ กระบวนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวดเร็วขึ้น ย้ำผู้ติดเชื้อน้อยลง ไม่ใช่เพราะตรวจน้อย ยืนยัน นายกฯ ยินดีต้อนรับคนไทยกลับเข้าประเทศ ไม่เคยสั่งห้าม หลังมีข้อสังเกตปิดน่านฟ้าขัดรัฐธรรมนูญ
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงความล่าช้าในการตรวจสอบหาเชื้อโควิด-19 ว่า ผู้ป่วยที่มีความสงสัย หรือมีอาการน่าสงสัย สามารถตรวจฟรีทั้งหมด ยอมรับว่า ขั้นตอนก่อนหน้านี้ ทำให้กระบวนการล่าช้า แต่ล่าสุด กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ใช้ระบบออกโค๊ดอัตโนมัติเพื่อเบิกจ่ายแล้ว ทำให้กระบวนการเร็วขึ้น ไม่ได้ต้องการให้เกิดความขรุขระ แต่มีเรื่องของงบประมาณจำนวนมากเข้ามา ดังนั้น หากดำเนินการไม่ถูกต้องก็จะถูกตรวจสอบได้ จึงขอความเห็นใจจากทั้งประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ เพราะโรคโควิด-19 เป็นโรคใหม่ วิธีการตรวจแบบใหม่ แล็ปใหม่ เครื่องตรวจต้องนำเข้า การสั่งซื้อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนตัวทราบว่า มีบุคลากรการแพทย์กลุ่มหนึ่งเรียกร้องทางสื่อโซเชียลเรื่องความล่าช้า ตนก็รับทราบและรับฟัง โดยหลังจากนี้ ขอให้บุคลากรทางการแพทย์ที่พบปัญหา สามารถแจ้งมาโดยตรงได้
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยอีกว่า จากสถิติการตรวจหาเชื้อตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 3 เมษายน สามารถตรวจหาเชื้อได้ทั้งสิ้น 84,008 ตัวอย่าง แต่หลังจากนั้น ในวันที่ 4-10 เมษายน กระบวนการตรวจหาเชื้อเป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถตรวจได้ถึง 16,490 ตัวอย่าง ทำให้ยอดตัวอย่างการตรวจหาเชื้อตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-10 เมษายน สามารถตรวจได้ถึง 100,498 ตัวอย่าง และเวลานี้ขยายกลุ่มคนที่มีเกณฑ์จะตรวจมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้จำกัดเฉพาะกลุ่มเล็ก ดังนั้น จึงยืนยันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลง ไม่ได้เกิดจากการตรวจน้อยลง
โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตมาตรการคัดกรองคนไทยเข้าประเทศ และการปิดน่านฟ้าจะขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ มีการประชุมตั้งแต่ต้นว่า ยินดีต้อนรับคนไทยทุกคนกลับเข้าประเทศ ไม่ได้สั่งห้าม เพียงแต่มีข้อแม้ว่า ก่อนจะเดินทางมาไทย ทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองก่อน และเมื่อมาถึงแล้วก็ต้องมีการดูแลอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดของโรค
สำหรับกรณีคนขับรถเมล์สาย 140 ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 จะถือว่า ขสมก.ปกปิดข้อมูลและมีความผิดหรือไม่ นพ..ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากรู้ตัวเองตั้งแต่แรกว่าติดเชื้อโควิด-19 ก็ต้องแจ้งกับทางสังกัดที่ทำงานอยู่ รวมทั้งแจ้งทางการให้รับทราบ โดยไม่จำเป็นต้องออกข่าวทางสื่อ เพียงแค่แจ้งตามขั้นตอนก็ถือว่าดีแล้ว โดยกรณีนี้ ทีมสอบสวนโรคได้เข้าไปสอบสวน พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องทั้งการทำงานและการสังสรรค์ โดยมีเพื่อนที่เกี่ยวข้องกับที่ทำงานอีก 8 คน สัมผัสผู้ร่วมงานอีก 20 คน ทุกคนถูกตามเก็บตัวอย่างทั้งหมดแล้ว และจะมีรายงานให้ทราบภายหลังว่า พบเชื้อหรือไม่ ส่วนประชาชนที่มาใช้บริการ ขสมก. และสงสัยว่านั่งรถคันดังกล่าว จนมีอาการขึ้นมา สามารถขอตรวจได้ทันที
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ (14 เม.ย.) เป็นวันครอบครัว การติดเชื้อที่เป็นกลุ่มก้อนมากที่สุดคือ จากครอบครัวไปสู่ครอบครัว จึงขอให้ห่างจากครอบครัวทางกาย และสวมหน้ากากอนามัยในทุกกิจกรรม.-สำนักข่าวไทย