กรุงเทพฯ 10 เม.ย.-“นพ.เฉลิมชัย” แนะ 3 วิธีคัดกรองโควิด-19 เลี่ยงประกาศเคอร์ฟิว 24 ชม. กักตัวคนกลับจากต่างประเทศ ในสถานที่ของรัฐ-เคอร์ฟิวบางช่วงเวลา-ลุยเข้าชุมชนตรวจโควิดฟรี
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เสนอแนวทางที่จะทำให้รัฐบาลไม่ต้องประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะเบาใจได้ต่อเมื่อผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะต้องมีจำนวนน้อยกว่าเตียงที่ว่างลง จากมีผู้ป่วยที่รักษาหายและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ เพื่อให้เรามีเตียงว่างมากพอที่จะดูแลผู้ป่วยรายใหม่ ซึ่งรวมถึงมีเครื่องมือและบุคลากรที่เพียงพอในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ ความโกลาหลของผู้ป่วยล้นเตียง อัตราการเสียชีวิตที่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จะได้ไม่เกิดขึ้น เช่น ในกรณีที่เกิดกับอิตาลี สเปน และฝรั่งเศส เมื่อใดก็ตามที่ประเทศไม่สามารถคุมจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้ ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมมีจำนวนมากกว่าเตียงและบุคลากรที่จะรองรับได้ ประเทศนั้นจะไม่มีทางเลือก ต้องใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุด คือ ประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ซึ่งมีความหมายเดียวกับการปิดบ้าน (ห้ามทุกคนออกจากบ้าน แบบเมืองอู่ฮั่น) ทั้งนี้มีวิธีการที่ไม่ต้องประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ดังนี้ 1.ผู้ติดเชื้อรายใหม่มาจากต่างประเทศ กรณีเป็นคนต่างชาติก็ห้ามเดินทาง กรณีเป็นคนไทยก็ปรับมาตรการให้เข้มข้น คือ เดิมให้กักตัวอยู่ในบ้าน (Home Quarantine) มาเป็นการกักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด (State Quarantine)
นพ.เฉลิมชัย ระบุว่า 2.กรณียังมีผู้ออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น ก็ออกมาตรการเคอร์ฟิวบางช่วงบางเวลา ร่วมกับการบังคับใช้และทำความเข้าใจไปด้วย 3.กรณีมีผู้ติดเชื้อที่แพร่โรคได้แต่ไม่มีอาการ ผู้ติดเชื้อจึงไม่รู้ตัว แต่ทำหน้าที่พบปะผู้คนจำนวนมาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ทำงานในร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารตามสั่ง ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับส่งสินค้าและอาหาร เป็นต้น รัฐต้องทำการตรวจคัดกรองคนเหล่านี้ทั้งหมด หรือเป็นส่วนใหญ่ โดยการออกมาตรการเชิงรุก คือ ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการตรวจ ออกไปตรวจถึงชุมชนที่อยู่ของประชาชนเช่นเดียวกับประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อกักตัวผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ไม่ให้ออกไปทำงานแล้วแพร่เชื้อ โดยรัฐออกมาตรการเยียวยาจ่ายค่าชดเชย หรือค่าตอบแทนให้คนเหล่านี้ขณะที่ต้องหยุดงานมากักตัวไว้ อุปสรรคที่สำคัญของประเทศไทยในการตรวจคัดกรองอย่างกว้างขวางเชิกรุก ได้แก่ ความเห็นต่างของผู้เกี่ยวข้อง ระหว่างการทดสอบหาเชื้อไวรัสโดยตรง ซึ่งตรวจได้น้อยราย ค่าใช้จ่ายสูง แต่มีความแม่นยำมาก กับการทดสอบหาภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัส ซึ่งตรวจสอบได้มากราย สะดวก ค่าใช้จ่ายต่ำ มีความแม่นยำปานกลาง ว่ารัฐควรเลือกวิธีตรวจคัดกรองอย่างไร
“ถ้าประเทศไทยตัดสินใจเลือกการตรวจหาผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม ให้ครอบคลุมประชาชนที่ทำงานสัมผัสกับผู้คนจำนวนมากแม้จะไม่ปรากฏประวัติความเสี่ยงที่ชัดเจน ก็จะทำให้สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการได้จำนวนมากพอที่จะควบคุมการแพร่เชื้อได้สำเร็จ ทำให้รัฐไม่ต้องประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง” น.พ.เฉลิมชัย ระบุ.-สำนักข่าวไทย