กรุงเทพฯ 7 เม.ย. – เมืองไทยประกันชีวิตขยาย 4 โรงพยาบาลคู่สัญญา นำร่องบริการ Telemedicine สำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพื่อความอุ่นใจและปลอดภัยจากสถานการณ์โควิด-19
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีบริการโรงพยาบาลเสมือนจริงบนโลก ออนไลน์ (Virtual Hospital) ซึ่งเป็นความร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชผ่านแอปพลิเคชัน MTL Click สามารถพบแพทย์ออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบและเคลมค่าใช้จ่ายได้ตามปกติเสมือนการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ล่าสุดบริษัทฯ ได้จับมือกับโรงพยาบาลคู่สัญญาที่มีความพร้อมในการให้บริการผู้ป่วยได้รับยาตามคำสั่งการรักษาของแพทย์ผ่านทางโทรเวชกรรม (Telemedicine) เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และลดความเสี่ยงจากการเดินทางออกจากบ้านให้แก่ผู้เอาประกันภัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เบื้องต้นมีโรงพยาบาลคู่สัญญาที่พร้อมเข้าร่วมให้บริการ 4 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลเทพธารินทร์ (ให้บริการเฉพาะเบาหวานและหัวใจ) โรงพยาบาลนครธน และโรงพยาบาลพระรามเก้า
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและมีความประสงค์ใช้บริการ Telemedicine จะต้องเป็นผู้ป่วยเดิมที่มีประวัติการรักษาในโรงพยาบาลที่ให้บริการตามที่กำหนด และเป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องมีการติดตามและต้องได้รับยาต่อเนื่อง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น โดยบริการดังกล่าวจะครอบคลุมการพบแพทย์และการสั่งยา สามารถใช้บริการได้ทั้งผู้เอาประกันภัยรายบุคคลและรายกลุ่ม ระยะเวลาให้บริการโครงการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2563 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงพยาบาลและกรมธรรม์กำหนด)
สำหรับช่องทางการรับบริการ Telemedicine ผู้ป่วยเรื้อรัง จากโรงพยาบาลคู่สัญญาที่เข้าโครงการสามารถติดต่อได้ตามช่องทางโรงพยาบาลกรุงเทพ โทร. 0-2310-3000 โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ผ่านแอปพลิเคชัน Line Official : @Theptarin หรือโทร.0-2348-7000 โรงพยาบาลนครธน ผ่านแอปพลิเคชัน Line : nthtele และโรงพยาบาลพระรามเก้า ผ่านแอปพลิเคชัน Line Official : @praram9hospital
“มั่นใจว่าบริการพิเศษที่เมืองไทยประกันชีวิตร่วมกับโรงพยาบาลคู่สัญญาทั้ง 5 แห่งนี้ จะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างดี และในอนาคตยังเตรียมขยายบริการดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ เพิ่มเติม” นายสาระ กล่าว.-สำนักข่าวไทย