กทม.3 เม.ย.- ตำรวจภูธรภาค 1 เผยผลระดมตรวจจับกักและขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ยึดของกลางกว่า 700,000 ชิ้น เจลแอลกอฮอล์ 10,000 ลิตร
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลระดมกวาดล้างข่ยหน้ากากอนามัยเกินราคา และเจลล้างมือ แอลกอฮอล์ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึง 1 เมษายน สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 19 คดี ผู้ต้องหา 31 คน ยึดหน้ากากอนามัยจำนวน 787,779 ชิ้น และเจลแอลกอฮอล์กว่า 10,000 ลิตร
พลตำรวจโทอำพล กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ ตำรวจภูธรภาค 1 ระดม กวาดล้างปราบปรามการกักตุนขายหน้ากากอนามัยนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตมาขายเกินราคาช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 จึงระดมตรวจค้น พื้นที่ปริมณฑล เช่น สมุทรปราการ , บางบัวทอง , ปากเกร็ด, นนทบุรี , ดอนเมือง พบหน้ากากอนามัยจำนวนดังกล่าว เป็นสินค้านำเข้ามาจากประเทศเวียดนาม นำเข้ามาด้าน อ.อัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยไม่ได้ขออนุญาตและมีการขายเกินราคา อยู่ที่ 13.40 บาท หรือสูงกว่านั้น เชื่อว่ายังมีขบวนการที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลจับกุม เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของประชาชนช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา และร่วมกันจำหน่ายสินค้าควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ส่วนของกลางทั้งหมดจะส่งให้ อย.ทำการตรวจสอบว่าได้คุณภาพหรือไม่หากได้คุณภาพจะส่งไปบุคลากรทางการแพทย์หากไม่ได้คุณภาพจะทำลายต่อไป
อย่างไรก็ตามในเวลา 21.00 น. วันนี้จะมีการปล่อยแถวออกตรวจตราพื้นที่หลังมีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกพื้นที่ตั้งแต่เวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น.
สำหรับทั้ง 19 คดี พบว่ามีการทำเป็นขบวนการและอาจมีสินค้าบางส่วนที่พบว่ามีการผลิตในไทย ซึ่งจะประสาน อย.ไปตรวจสอบต่อ ส่วนคดีของ”แคนดี้ รากแก่น”นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ยืนยันว่า พบการกระทำผิดจริง แม้เจ้าตัวจะให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ขายต่อ ตั้งใจจะนำไปบริจาคก็ตาม.-สำนักข่าวไทย