กรุงเทพฯ 1 เม.ย.-กองทัพบกสรุป 15 วัน ปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนป้องกันไวรัสโควิด ใน กทม. ครอบคลุมพื้นที่ 2.1 ล้าน ตร.ม. ส่วนชายแดนใต้ ปิดช่องทางเข้า-ออก สกัดโควิด มนโยบายรัฐ
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้หน่วยทหารของกองทัพบก ส่งกำลังพลพร้อมอุปกรณ์และยานพาหนะ เข้าปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนและพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระหว่างวันที่ 18-31 มีนาคม 2563 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เน้นพื้นที่เสี่ยง พื้นที่สาธารณะที่ประชาชนไปใช้บริการหนาแน่น โดยตลอด 15 วันที่ผ่านมา สามารถดำเนินการล้างสิ่งปนเปื้อนครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 2,100,000 ตารางเมตร ครบตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งได้สร้างความเชื่อมั่น และประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการล้างสิ่งปนเปื้อนดังกล่าว ทั้งนี้ในห้วงเวลาต่อไปกองทัพบกจะยังคง ดำเนินการต่อ โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชนและพื้นที่ที่ได้รับการร้องขอจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงการเข้าไปฆ่าเชื้อในหน่วยทหาร
“ล่าสุดในวันนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวชื่นชมหน่วยทหารและกำลังพลที่เสียสละ อดทน ทุ่มเท ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กองทัพภาคที่ 1, หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก และกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกที่เป็นหน่วยปฏิบัติการหลัก โดยเฉพาะกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับเคมี ชีวะ นิวเคลียร์ ซึ่งนอกจากจะต้องลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจฉีดล้างสิ่งปนเปื้อนแล้ว ยังได้ดำเนินการให้การอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้สารฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดให้กับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกองทัพบกได้นำสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งได้รับบริจาคจากภาคเอกชนมาเป็นสารฆ่าเชื้อเพิ่มเติมจากเดิมที่ใช้สารเบนซาโคเนียมคลอไรด์ (BKC) อยู่ก่อนแล้ว และมีแผนที่จะกระจายมอบให้หน่วยทหารทั่วประเทศนำไปฉีดฆ่าเชื้อทำความสะอาดตามจังหวัดต่าง ๆ ในทุกกองทัพภาค” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นย้ำกองทัพภาคที่ 4 ให้ปฏิบัติตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้ดำเนินการปิดช่องทางผ่านเข้า-ออก ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยให้เข้มงวด ตามมาตรการดังกล่าว ระมัดระวังผู้ฉวยโอกาสนำข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จมาเผยแพร่ต่อประชาชน และให้มีการประสานการปฏิบัติกับฝ่ายปกครองและตำรวจ ครอบคลุมถึงพื้นที่ตามช่องทางธรรมชาติ และพื้นที่ป่าเขา เพื่อให้การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อมีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นไปตามทิศทางที่รัฐบาลกำหนดไว้.-สำนักข่าวไทย