กรุงเทพฯ 31 มี.ค. – ทรัพย์ทิพย์บริจาคแอลกอฮอล์ ผ่าน ก.พลังงาน ส่งต่อ รพ. 3 จังหวัดชายแดนใต้ ด้าน ปตท.วันนี้ช่วย รพ.รามาธิบดี ด้านกัลฟ์ช่วย รพ.ตำรวจ
วันนี้ (31 มีนาคม 2563) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับมอบสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5,000 ขวด พร้อมด้วยแอลกอฮอล์จำนวน 1,000 ลิตร จากบริษัท ทรัพย์ทิพย์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านเอทานอลที่มีความประสงค์สนับสนุนภารกิจของกระทรวงพลังงานในการส่งต่อเอทานอลสำหรับทำความสะอาดหรือผลิตเจลล้างมือให้แก่โรงพยาบาล หรือประชาชนที่ขาดแคลน ซึ่งวันนี้ไดจัดส่งไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทันที
ด้านกลุ่ม ปตท.มอบ espirator : แท็บเล็ต (Tablet) 50 เครื่อง มูลค่า 1 ล้านบาท พร้อมแอลกอฮอล์แก่ รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาด พร้อมรักษาพยาบาลดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยแท็บเล็ตจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการรักษาพยาบาลดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และการตรวจรักษาทางไกล (Tele-Medicine) สำหรับผู้ป่วยอื่น ๆ เพื่อลดการเดินทางมาโรงพยาบาลในช่วงภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับแอลกอฮอล์ที่ ปตท.ได้จัดหาและนำมาส่งมอบนั้น เป็นแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ เจลแอลกอฮอล์ และสเปรย์ฆ่าเชื้อ ซึ่งเบื้องต้น ปตท.ตั้งเป้าจัดหาแอลกอฮอล์กว่า 160,000 ลิตร เพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศแล้ว กลุ่ม ปตท.ยังได้นำสตรอว์เบอร์รี Harumiki ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำพลังงานความเย็นในกระบวนการแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มอบให้ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักอีกด้วย
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มอบเงินสนับสนุนแก่มูลนิธิแพทยศาสตร์ตำรวจในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมด้วยปริมาตรและความดันแบบเคลื่อนย้ายได้ พร้อมระบบผลิตอากาศภายในตัวเครื่อง จำนวน 8 เครื่อง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความพร้อมให้กับโรงพยาบาลตำรวจในการรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และจำนวนผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
พลตำรวจโท นพ.วิฑูรย์ นิติวรางกูล นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลตำรวจรับคนไข้ติดเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 33 คน เป็นตำรวจ 24 คน ประชาชนทั่วไป 9 คน ในจำนวนนี้มีคนไข้อาการหนักอยู่ในไอซียู 7 คน ถ้าโรงพยาบาลตำรวจไม่แยกพื้นที่คนไข้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ออกจากพื้นที่คนไข้เดิม ก็อาจจะลามติดไปทั้งโรงพยาบาลได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจมีแผนที่วางไว้นานแล้วว่าจะปิด 1 อาคาร คือ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และใช้เป็นที่ใช้รักษาคนไข้โควิด-19 โดยเฉพาะ แต่อาคารนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้ทันทีต้องปรับปรุงให้เป็นห้องความดันลบ เพื่อให้ควบคุมการติดเชื้อได้ จึงต้องมีการย้ายคนไข้ออกก่อนทั้งตึก ซึ่งตอนนี้ได้ย้ายออกหมดแล้ว และกำลังปรับปรุงพื้นที่และห้องต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานในเรื่องของการควบคุมการติดเชื้อ และต้องมีเครื่องมือเพิ่มเติม เนื่องจากห้องเดิมที่มีไม่ใช่ห้องไอซียู โรงพยาบาลตำรวจจึงต้องจัดซื้อเครื่องมือเพิ่ม เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องวัดสัญญาณชีพ และเครื่องมืออื่น ๆ ถ้าการปรับปรุงห้องเสร็จจะมีเตียงทั้งหมด 150 เตียง สำหรับรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งอาการหนักและอาการไม่หนัก คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน ถึงจะเสร็จ.-สำนักข่าวไทย