กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “เอกชน” จับตาศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณากรณีคลิปเสียงหลุดระหว่าง “นายกฯ-ฮุนเซน” หวังให้ประเทศเดินหน้าต่อ เผยไม่แปลกใจ ครม.ชุดใหม่ มองใครมาก็ได้แต่ขอให้เร่งทำงาน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชน จับตาและลุ้นอย่างเต็มที่ กรณีศาลธรรมนูญ จะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้อง กรณีคลิปเสียงนายก-ฮุนเซน ซึ่งหากมีคำสั่งเชิงลบ คือ ศาลธรรมนูญ รับคำร้องและสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะส่งผลให้เกิดความสับสนหรือความไม่แน่นอน ยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจแม้ว่าจะมีรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ก็คงไม่เหมือนการมีนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เต็มตัวเต็มคณะ ก็จะสร้างบรรยากาศขมุกขมัวไม่ชัดเจนให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปรียบเสมือนร่างกายที่ขาดหัว แม้จะมีหัวสำรอง แต่ก็ไม่ครบถ้วน หากเปรียบกับร่างกายมนุษย์ก็เหมือนกับคนพิการ ไม่เหมือนคนแข็งแรงที่สามารถทำอะไรได้อย่างคล่องแคล่ว กลายเป็นคนอ่อนแอ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ภาคเอกชนหวังในตอนนี้ก็คือ ไม่มีอะไรเพราะอย่างน้อยประเทศจะได้เดินหน้าต่อ หากไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ก็จะกลายเป็นอุปสรรค กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
ส่วน ครม.ชุดใหม่ ไม่รู้สึกแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้ก็มีโผออกมาเป็นระยะ และเปลี่ยนหัวเพียงบางกระทรวงฯ โดยส่วนตัวเข้าใจว่ารัฐบาลมีข้อจำกัดในการเลือกตัวบุคคล ทั้งในส่วนของพรรคร่วมและการจัดสรรโควตา ซึ่งไม่เหมือนกับการคัดเลือกบุคคลมาทำงานของภาคเอกชน แต่ทั้งนี้โดยส่วนตัวก็มองว่า ใครมาก็ได้แต่ขอให้เร่งทำงาน เพราะประเทศไทยมีปัญหาที่ค้างอยู่เยอะมากและค้างมาตลอด เช่นเดียวกับคำกล่าวของประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิง ที่บอกว่าไม่สนใจว่าจะเป็นแมวสีอะไรแต่ขอให้จับหนูให้ได้ก็พอ ซึ่งหมายถึงว่าไม่ว่าจะใครที่มารับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ขอให้สามารถเดินหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้า เพราะประเทศไทยรอไม่ได้แล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ขอคอมเมนต์ แต่ขอให้ทำงานให้สำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรม และอยากให้ทำงานต่อไม่อยากให้เกิดสุญญากาศเพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่มีกระแสปรับ ครม.ข้าราชการบางส่วนอาจจะเกียร์ว่าง ดังนั้นภาคเอกชนจึงขอให้เร่งดำเนินการสานต่องานทุกอย่างแบบไร้รอยต่อ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการโอเวอร์ชาร์ทนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการเร่งสปีดกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงจุด ใช้งบประมาณให้คุ้มค่าอย่ารั่วไหล. -517-สำนักข่าวไทย