เผย 19 คนไทยกลับจากอินโดฯ ติดโควิด-19

กรุงเทพฯ 31 มี.ค. – ศูนย์ EOC เผยผลคัดกรองวันนี้! พบ 19 ผู้โดยสารผล Lab เป็น “บวก” หลังกลับจากร่วมพิธีทางศาสนาอินโดฯ ส่งต่อ รพ.แล้ว ด้าน “สุวรรณภูมิ” ยอดผู้โดยสารหดต่อเนื่อง ขาเข้าระหว่างประเทศเหลือไม่ถึง 1 พัน ลดลง 93% จากปีที่แล้ว


รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (EMERGENCY OPERATION CENTER หรือ EOC) เปิดเผยสรุปรายงานการคัดกรองผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ผลการสรุปจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยข้อมูลวันที่ 30 มีนาคม 2563 เวลา 00.00-23.59 น. นั้น

ทั้งนี้ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 995 คน ไม่พบผู้โดยสารเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) แต่ได้เก็บตัวอย่างผู้โดยสารคนไทยที่กลับจากการไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย 27 คน ส่งตรวจ มีผล Lab เป็นบวก (Positive) จำนวน 19 คน จึงได้นำส่งต่อโรงพยาบาล และผล Lab เป็นลบ (Negative) จำนวน 8 คน สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ แต่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน (Home Quarantine) เพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน สำหรับการคัดกรองผู้โดยสารขาออก รวมทั้งสิ้น  6,302 คน พบผู้โดยสารเข้าเกณฑ์ PUI จำนวน 1 คน จึงได้นำส่งต่อโรงพยาบาล


ทั้งนี้ วันที่ 30 มีนาคม 2563 มีเที่ยวบินมาจากประเทศเกาหลี จำนวน 1 เที่ยวบิน (KOREAN AIRLINES) มีจำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 147 คน โดยเป็นผู้โดยสารคนไทยจำนวน 144 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้โดยสารที่เป็นแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีมีวีซ่าการเดินทางหมดอายุ (Overstay) จำนวน 95 คน และตรวจไม่พบผู้โดยสารที่เข้าเกณฑ์ PUI

สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากข้อมูลวันดังกล่าวนั้น มีจำนวนเที่ยวบินทั้งสิ้น 202 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ จำนวน 106 เที่ยวบิน ได้แก่ ขาออกจำนวน 52 เที่ยวบิน และขาเข้าจำนวน 54 เที่ยวบิน ในส่วนของเที่ยวบินภายในประเทศ จำนวน 96 เที่ยวบิน  ได้แก่ ขาออกจำนวน 48 เที่ยวบิน และขาเข้าจำนวน 48 เที่ยวบิน 

ขณะที่จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีจำนวนทั้งสิ้น 11,355 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ จำนวน 7,297 คน ได้แก่ ผู้โดยสารขาออกจำนวน 6,302 คน และผู้โดยสารขาเข้าจำนวน 995 คน ในส่วนผู้โดยสารภายในประเทศ จำนวน 4,058 คน ได้แก่ ผู้โดยสารขาออกจำนวน 848 คน และผู้โดยสารขาเข้าจำนวน 3,210 คน ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขเที่ยวบินและผู้โดยสารจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า ทสภ. มีจำนวนเที่ยวบินลดลง 81.2% และจำนวนผู้โดยสารลดลง 93%.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร