ความยากลำบากของทีมกู้ชีพในสถานการณ์โควิด-19

นนทบุรี 30 มี.ค. – อีกหนึ่งอาชีพที่มีความเสี่ยงเชื้อโควิด-19 คือ อาสากู้ชีพที่ปฏิบัติหน้าที่รับคนป่วยส่งโรงพยาบาล ช่วงนี้ทำงานลำบากมากขึ้น ทำให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ผุดไอเดียดัดแปลงเสื้อกันฝน เป็นชุด PPE ให้อาสาหน่วยกู้ชีพทั่วประเทศใส่ป้องกันสารคัดหลั่ง ในกรณีต้องรับผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง ไอ และเจ็บคอ



เมื่อได้รับการแจ้งเหตุฉุกเฉิน และพบว่าผู้ป่วยมีอาการไข้สูง สิ่งแรกที่มูลนิธิสยามนนทบุรีปฏิบัติทันทีคือ การใส่เสื้อกันฝน แว่นตา หน้ากากอนามัย ถุงมือ และหมวก เพื่อป้องกันตัวเอง ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังแพร่ระบาด


ประธานมูลนิธิสยามนนทบุรี บอกว่า เมื่อพบผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือติดเชื้อโควิด-19 จะมีรถกู้ชีพแบบแอดวานซ์ของโรงพยาบาลรับส่งอยู่แล้ว แต่สำหรับรถของมูลนิธิ แม้จะไม่ได้รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยตรง แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงจากผู้ป่วยคนอื่นที่อาจได้รับเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ พวกเขาจึงต้องป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อพบผู้ป่วยมีไข้ ตั้งแต่การใส่ชุด ประดิษฐ์กล่องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และล้างฉีดรถทำความสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้อาสากู้ชีพต้องสัมผัสสารคัดหลั่ง 


ข้อมูลจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า ปัจจุบันมีรถกู้ชีพของอาสากู้ภัย และรถกู้ชีพของหน่วยงานท้องถิ่น เอกชน และมูลนิธิทั่วประเทศกว่า 15,000 คัน โดยการทำหน้าที่ของพวกเขาในช่วงที่เชื้อโควิด-19 กำลังระบาด มีความยากลำบากมากขึ้น และต้องพยายามหาวิธีป้องกันตัวเอง สพฉ.จึงมีแนวคิดนำเสื้อกันฝนมาดัดแปลงเป็นชุด PPE ให้อาสากู้ภัยใส่ เมื่อได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่รับผู้ป่วยที่ต้องกักตัวดูอาการ ซึ่งเป็นผู้ป่วยความเสี่ยงต่ำต่อการติดเชื้อ เพราะชุด PPE มีราคาแพง และกำลังขาดแคลน ทั้งชุดแบบนี้อาสากู้ภัยสามารถหาวัตถุดิบได้เองในพื้นที่ เช่น รองเท้าบูท ถุงดำ ถุงมือ แว่นตา และ face shield  ทั้งหมดนี้ราคาต้นทุนรวมกันไม่เกิน 100 บาท 

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติยังจัดทำแผนรับมือโควิด-19 ดึงอาสาสมัครกู้ภัยอบรมให้ความรู้ กรณีพบผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 ภายใต้ทีม Special Covid-19 operation หรือ SCOT ทั้งหมด 100 ทีม ทีมละ 3 คน กระจายอยู่ทุกจังหวัดของไทย ซึ่งมีความพร้อมทั้งคน และอุปกรณ์ สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย