รพ.ตำรวจจับมือไปรษณีย์ไทย-บริษัทแกร็บแท็กซี่ร่วมโครงการ “Inlove Online รับยาที่บ้านส่งฟรี!!

กรุงเทพฯ 30 มี.ค.- โรงพยาบาลตำรวจ จับมือกับไปรษณีย์ไทยและบริษัทแกร็บแท็กซี่ ร่วมโครงการ “Inlove Online รับยาที่บ้าน” ค่าจัดส่งฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย เริ่ม 30 มี.ค.นี้


ในภาวะที่โรงพยาบาลเป็นพื้นที่เสี่ยง #covid19 ล่าสุดโรงพยาบาลตำรวจ จับมือ บริษัทไปรษณีย์ไทย และ บริษัทแกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย)  ร่วมโครงการ “Inlove Online รับยาที่บ้าน” ค่าจัดส่งฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

โดยเฟสแรก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนไข้เก่าของโรงพยาบาลตำรวจที่ประสบปัญหาในสถานการณ์โควิด-19 ไม่สามารถที่จะเดินทางมารับยาด้วยตัวเองได้ ค่าใช้จ่ายการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ


ขั้นตอน คือผู้ป่วยหรือญาติอินบ๊อกซ์เข้ามาในเฟซบุ๊กโรงพยาบาลตำรวจ แสดงความจำนงขอรับยาผ่านระบบออนไลน์ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการจัดส่งยา  ภายใต้เงื่อนไข ต้องเป็นผู้ป่วยเก่าที่มีประวัติการรักษาต่อเนื่องของโรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาในการรักษาต่อเนื่อง โรคเรื้อรัง และภาวะของโรคคงที่  มีนัดพบแพทย์เพื่อรับยา ผู้ป่วยเก่าสามารถใช้สิทธิการรักษาเดิมได้ทุกสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิกรมบัญชีกลาง สิทธิประกันสังคม สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมทั้ง ผู้ป่วยที่ชำระเงินเอง โดยติดต่อช่องทางออนไลน์และจะจ่ายยาเดิมสูงสุด 2 เดือน

ผู้ป่วยหรือญาติเพียงแค่แจ้งข้อมูล บัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่จัดส่ง ใบนัด และสิทธิการรักษากับเจ้าหน้าที่ในอินบ๊อกเฟสบุ๊กโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนส่งต่อข้อมูลเพื่อดำเนินการต่อตามที่กรมบัญชีกลางกำหนด เพื่อให้แพทย์สั่งยา โดยจะต้องไม่เป็นยาในกลุ่มแช่เย็น / ยาเสพติด / วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาททุกประเภท / ยาน้ำปริมาตรรวมเกิน 1 ลิตร / ยาเคมีบำบัด ยกเว้นยากลุ่มฮอร์โมน เช่น Letrozole Tamoxifen Bicalutamide เป็นต้น ไม่มียาที่ผู้ป่วยต้องเริ่มใช้ใน 5 วัน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงรายการยาจากประวัติเดิม

เจ้าหน้าที่จะจัดยาตามใบสั่งยาแพทย์ โดยแพ็กยาอย่างดีส่งให้เจ้าหน้าที่ Grab Express หากอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และไปรษณีย์ไทยจัดส่งให้ทั่วประเทศ การนำส่งตามที่อยู่ เน้นความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และส่งถึงมือผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ซึ่งในกรุงเทพและปริมณฑลจัดส่งภายใน 1วัน สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัดทางโรงพยาบาลจะจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ภายใน 1-2 วัน เมื่อผู้ป่วยได้รับยาแล้วจะถ่ายภาพ ยาและใบตอบกลับ ส่งกลับมาทางอินบ๊อกซ์เพื่อยืนยันความถูกต้องในการรับยา โดยจะเริ่มโครงการวันแรกในวันที่ 30 มีนาคม 2563


ทางไปรษณีย์ไทยสนับสนุนกล่องขนาด 4 ไซซ์ ก ข ค ง ส่วนค่าจัดส่งในรูปแบบ EMS คิดในราคาพิเศษเพียง 50 บาททุกไซซ์กล่อง พร้อมจัดรถมารับยาที่โรงพยาบาลฟรี นอกจากนี้ยังยืนยันความปลอดภัย และ จัดส่งถึงมือผู้ป่วยด้วยระบบแพ็กกิ้งอย่างดี โดยมีการซีนปากขวดยา ใช้พลาสติกอย่างหนาซีนขวดยา ก่อนห่อด้วยวัสดุกันกระแทก และบรรจุใส่กล่องพร้อมนำส่งภายใน 1-2 วัน

ส่วนบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง Grab Express อย่างเร่งด่วน ปลอดภัย ถึงมือผู้ป่วยภายใน 1 วันฟรี เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 – 30 พฤษภาคม 2563

สรุปยอดผู้ป่วยที่ขอยาออนไลน์ ณ.เวลานี้  รวมทั้งสิ้น 49 ราย แยกตามแผนกดังต่อไปนี้ คลินิกผิวหนัง 1 ราย คลินิกตำรวจ 6 ราย Opd ศัลยกรรม 7 ราย Opd ออร์โธ 2 ราย คลินิกประกันสังคม 3 ราย Opd ตา 3 ราย Opd อายุรกรรม 19 ราย Opd จิตเวช 2 ราย คลินิกหัวใจ 2 ราย เวชศาสตร์ฟื้นฟู 1 ราย Opd สูติ 1 ราย ศูนย์ส่งเสริม 2 ราย ส่วนมากจะเป็นประชาชน

พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวขอบคุณบริษัทไปรษณีย์ไทยที่คิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายเพียง 50 บาททุกไซซ์กล่อง  และขอบคุณ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง Grab Express อย่างเร่งด่วน ปลอดภัย ถึงมือผู้ป่วยภายใน 1 วัน ฟรี เป็นเวลา 2 เดือน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตปริมลฑล โครงการ “Inlove Online รับยาที่บ้าน” นับเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ป่วยที่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาลท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ทั้งยังช่วยแบ่งเบาภาระงานในการปฏิบัติหน้าที่ของทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย 

ทั้งนี้ขอเป็นกำลังใจให้ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ให้ผ่านพ้นวิกฤต การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกันขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือ โรงพยาบาลตำรวจจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยทุกคน ทั้งนี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนด 

สุดท้ายขอ ให้ประชาชนอยู่บ้าน กินร้อน ช้อนส่วนตัว ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยอยู่บ้าน เพื่อป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19 กรณีผู้ป่วยไม่สามารถติดต่อมาทางเฟสบุ๊กโรงพยาบาลตำรวจด้วยกรณีใดๆ ญาติสามารถนำบัตรประชาชนตัวจริง ใบนัดผู้ป่วย มาติดต่อได้ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจแนะนำให้ญาติที่มาติดต่อต้องเป็นบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรง และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มาติดต่อ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลตำรวจ 02-2076186 ในเวลาราชการ 08.00-16.30 น. .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]